หลังจากที่รายงานดังกล่าวเผยแพร่ออกไป เชื่อว่า คงจะสร้างความกังวลให้กับผู้ใช้แมคอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะข่าวการแพร่กระจายของ Flashback ที่อาศัยช่องโหว่ของจาวาเข้าไปติดตั้งในระบบ เพื่อล้วงข้อมูลออกไป อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงล่าสุดที่มีการเปิดเผยออกมาก็คือ มัลแวร์ที่พบบนเครื่องแมคเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นมัลแวร์ทีทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows ดังนั้นการสรุปว่า หนึ่งในห้าของแมคมีไวรัสจึงเป็นข้อสรุปที่ผิดพลาด หรือเกินจริงนั่นเอง ประเด็นก็คือ คำว่าติดมัลแวร์เข้าไปในระบบที่กล่าวอ้างในรายงาน ควรจะหมายถึง การที่มัลแวร์เหล่านั้นกำลังทำงานอยู่ในเครื่องแมค หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอย่างเช่น ขโมยข้อมูล เปิดช่องให้โจมตี หรือแม้แต่เปลี่ยนแปลงระบบการทำงานบางอย่าง แต่ในความเป็นจริง ระบบแมคที่มีการตรวจพบมัลแวร์บนวินโดวส์นั้นมีสาเหตุมาจาก ผู้ใช้เปิดรับอีเมล์สแปม หรือแคชของเว็บบราวเซอร์ที่มีคุกกี้ หรือโค้ดอันตรายหลุดเข้ามาอยู่ในระบบของเครื่อง และไม่ได้ถูกลบออกไป ซึ่งแม้ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสจะตรวจพบ signature พวกนี้ แต่มัลแวร์พวกนี้จะไม่สามารถทำงานบน OS X ได้อยู่ดี ดังนั้นผู้ใช้แมคจึงไม่ควรตกใจกับรายงานข่าวที่ออกมา
สังเกตว่า การรายงานข่าวเกี่ยวกับสถิติการตรวจพบมัลแวร์ของบริษัทเหล่านี้ มักจะไม่ค่อยแจกแจงรายละเอียดด้วยว่า มัลแวร์ตัวไหนที่เป็นภัยคุกคามต่อระบบจริงๆ อย่างเช่น กรณีนี้ที่เป็นการพบมัลแวร์วินโดวส์บนแมคฯ ซึ่งไม่ได้ส่งผลแต่อย่างใด และหากพิจารณาจากรายงานข้อสรุปที่่น่าจะถูกต้องกว่าก็คือ เครื่องแมค 1 ใน 36 เครื่องที่ติดมัลแวร์เข้าไปในระบบปฏิบัติการ OS X หรือประมาณ 2.7% เท่านั้น อย่างเช่น มัลแวร์ล่าสุดอย่าง Flashback ที่ได้รายงานข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ ล่าสุดพบแมคที่ติด Flashback อยู่ที่ 600,000 เครื่อง หรือประมาณ 1% ของเครื่องแมคทั่วโลก แต่ Sophos อ้างว่า มีแมคที่ติดมัลแวร์ตัวนี้ถึง 75% ของมัลแวร์ทั้งหมด ซึ่งหากคิดจาก 2.7% ก็เป็นตัวเลขที่เกินจริงอีกแล้ว เอาเป็นว่า คุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ที่ใช้แมคก็ไม่ต้องวิตกกังวลมากเกินไป แต่ก็อย่าประมาทในการใช้งานเครื่องนะครับ
แสดงบนเว็บไซด์ : http://www.it4x.com
ที่อยู่ของข้อความต้นฉบับ: http://www.arip.co.th/news.php?id=415145