รายงานข่าวแจ้งว่า สตาร์บัคส์ (Starbucks) เตรียมเปิดแอพพลิเคชันบนไอโฟน (iPhone) 2 ตัวด้วยกัน โดยแอพฯตัวแรกจะช่วยให้ลูกค้าสามารถค้นหาร้านที่อยู่บริเวณใกล้ๆ และเมนูของกาแฟภายในร้านได้ ส่วนแอพฯอีกตัวหนึ่งจะเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถใช้ไอโฟนแทนบัตรสตาร์บัคส์ (Starbucks card)
ในส่วนของแอพพลิเคชันทั้งสองตัวนี้ได้รับการพัฒนาจากทางสตาร์บัคส์เอง โดยสามารถทำงานได้ทั้งบนไอโฟน และไอพอดทัช ซึ่งก่อนหน้านี้ทางร้านให้บริการมือถือในลักษณะที่ว่า สามารถส่งข้อความเพื่อค้นหาร้านใกล้ๆ ได้ และร่วมมือกับแอปเปิ้ล (Apple) เพื่อให้บริการเพลงในร้านผ่านไอจูนส์ (iTunes) เท่านั้น
"ทั้งนี้ไอเดียของแอพฯทั้งสองตัวมาจากลูกค้าที่เข้าไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์ก และ My Starbucks Idea ชุมชนออนไลน์ที่ทางสตาร์บัคส์ได้เปิดตัวตั้งแต่ปีที่แล้ว" Stephen Gillett ซีอีโอของสตาร์บัคส์ กล่าว "เราคิดว่า มันเป็นวิธีใหม่ๆ ในการพูดคุยกับลูกค้าได้อย่างตรงไปตรงมา"
การออกแอพฯในครั้งนี้ สตาร์บัคส์จะต้องเอาชนะแอพฯไอโฟนของเจ้าอื่นที่พัฒนาออกมาก่อนหน้านี้อย่างเช่น Find a Starbucks Coffee ของ iApp, Expresso Pro ของ Snow Storm และ Sbux Card จาก ourLivez ตลอดจนเหล่าบรรดาบล็อกเทคโนโลยีต่างๆ ที่พูดถึงแนวคิดของแอพฯบนไอโฟนของสตาร์บัคส์ที่มีให้ได้ติดตามกันจนถึงวันนี้
สำหรับแอพพลิเคชันบนไอโฟนตัวแรกของทางร้านมีชื่อว่า myStarbucks ซึ่งช่วยลูกค้าค้นหาร้าน และบุ๊กมาร์ค (bookmark) ตำแหน่งร้านที่ชื่นชอบได้ นอกจากนี้ยังสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเวลาทำการ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกของทางร้าน อย่างเช่น ร้านสตาร์บัคส์ที่อยู่บริเวณใกล้ๆ เปิดทำการอยู่ในขณะนี้ และให้บริการแบบ"ไดรฟ์ทรู" (drive-thru) ด้วย เป็นต้น นอกจากข้อมูลดังกล่าวแล้ว ยังสามารถตรวจสอบเมนูกาแฟของทางร้าน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องดื่ม อาหาร และเมล็ดพันธุ์กาแฟต่างๆ ส่วนบริการ "drink builder" ในแอพฯ จะแสดงส่วนผสมที่อยู่ในกาแฟที่เลือกรับประทาน
ส่วนแอพพลิเคชันตัวที่สอง กำลังเปิดให้ทดสอบในสตาร์บัคส์ 16 สาขาที่ตั้งอยู่ในซีแอทเติล และเบย์ แอเรีย เนื่องจากทั้งสองเป็นโซนที่มีผู้ใช้บัตรสตาร์บัคส์ และไอโฟนเป็นจำนวนมากที่สุด ตัวแทนของสตาร์บัคส์กล่าวว่า มันช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบมูลค่าเงินที่เหลือในบัตร ตลอดจนสามารถโอนเงินเข้าไปได้ด้วย โดยแอพฯ จะแสดงบาร์โค้ดบนหน้าจอ ซึ่งสามารถใช้สแกนจากเครื่องสแกนของทางร้าน เพื่อชำระค่ากาแฟแทนบัตรฯได้
ทางสตาร์บัคส์จะวัดฟีดแบคของลูกค้าในระหว่างการทดลองใช้แอพฯ เพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าจะพัฒนาแอพฯ เพื่อให้บริการอื่นๆ เพิ่มเติมต่อไป หรือไม่ Gillett กล่าวว่า แอพพลิเคชันทั้งสองเปิดให้ดาวน์โหลดไปใช้ได้ฟรี โดยไม่มีโฆษณาอยู่ในนั้น และก็ไม่มีแผนการที่จะเก็บเงินค่าแอพฯ ในอนาคตอีกด้วย
ข้อมูลจาก: http://www.arip.co.th/news.php?id=410019
Site : www.it4x.com
ในส่วนของแอพพลิเคชันทั้งสองตัวนี้ได้รับการพัฒนาจากทางสตาร์บัคส์เอง โดยสามารถทำงานได้ทั้งบนไอโฟน และไอพอดทัช ซึ่งก่อนหน้านี้ทางร้านให้บริการมือถือในลักษณะที่ว่า สามารถส่งข้อความเพื่อค้นหาร้านใกล้ๆ ได้ และร่วมมือกับแอปเปิ้ล (Apple) เพื่อให้บริการเพลงในร้านผ่านไอจูนส์ (iTunes) เท่านั้น
"ทั้งนี้ไอเดียของแอพฯทั้งสองตัวมาจากลูกค้าที่เข้าไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์ก และ My Starbucks Idea ชุมชนออนไลน์ที่ทางสตาร์บัคส์ได้เปิดตัวตั้งแต่ปีที่แล้ว" Stephen Gillett ซีอีโอของสตาร์บัคส์ กล่าว "เราคิดว่า มันเป็นวิธีใหม่ๆ ในการพูดคุยกับลูกค้าได้อย่างตรงไปตรงมา"
การออกแอพฯในครั้งนี้ สตาร์บัคส์จะต้องเอาชนะแอพฯไอโฟนของเจ้าอื่นที่พัฒนาออกมาก่อนหน้านี้อย่างเช่น Find a Starbucks Coffee ของ iApp, Expresso Pro ของ Snow Storm และ Sbux Card จาก ourLivez ตลอดจนเหล่าบรรดาบล็อกเทคโนโลยีต่างๆ ที่พูดถึงแนวคิดของแอพฯบนไอโฟนของสตาร์บัคส์ที่มีให้ได้ติดตามกันจนถึงวันนี้
สำหรับแอพพลิเคชันบนไอโฟนตัวแรกของทางร้านมีชื่อว่า myStarbucks ซึ่งช่วยลูกค้าค้นหาร้าน และบุ๊กมาร์ค (bookmark) ตำแหน่งร้านที่ชื่นชอบได้ นอกจากนี้ยังสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเวลาทำการ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกของทางร้าน อย่างเช่น ร้านสตาร์บัคส์ที่อยู่บริเวณใกล้ๆ เปิดทำการอยู่ในขณะนี้ และให้บริการแบบ"ไดรฟ์ทรู" (drive-thru) ด้วย เป็นต้น นอกจากข้อมูลดังกล่าวแล้ว ยังสามารถตรวจสอบเมนูกาแฟของทางร้าน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องดื่ม อาหาร และเมล็ดพันธุ์กาแฟต่างๆ ส่วนบริการ "drink builder" ในแอพฯ จะแสดงส่วนผสมที่อยู่ในกาแฟที่เลือกรับประทาน
ส่วนแอพพลิเคชันตัวที่สอง กำลังเปิดให้ทดสอบในสตาร์บัคส์ 16 สาขาที่ตั้งอยู่ในซีแอทเติล และเบย์ แอเรีย เนื่องจากทั้งสองเป็นโซนที่มีผู้ใช้บัตรสตาร์บัคส์ และไอโฟนเป็นจำนวนมากที่สุด ตัวแทนของสตาร์บัคส์กล่าวว่า มันช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบมูลค่าเงินที่เหลือในบัตร ตลอดจนสามารถโอนเงินเข้าไปได้ด้วย โดยแอพฯ จะแสดงบาร์โค้ดบนหน้าจอ ซึ่งสามารถใช้สแกนจากเครื่องสแกนของทางร้าน เพื่อชำระค่ากาแฟแทนบัตรฯได้
ทางสตาร์บัคส์จะวัดฟีดแบคของลูกค้าในระหว่างการทดลองใช้แอพฯ เพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าจะพัฒนาแอพฯ เพื่อให้บริการอื่นๆ เพิ่มเติมต่อไป หรือไม่ Gillett กล่าวว่า แอพพลิเคชันทั้งสองเปิดให้ดาวน์โหลดไปใช้ได้ฟรี โดยไม่มีโฆษณาอยู่ในนั้น และก็ไม่มีแผนการที่จะเก็บเงินค่าแอพฯ ในอนาคตอีกด้วย
ข้อมูลจาก: http://www.arip.co.th/news.php?id=410019
Site : www.it4x.com