อ่านข่าวหนักๆ กันมาทั้งสัปดาห์แล้ว วันหยุดอย่างนี้มาอ่านข่าวเบาๆ แต่แฝงไว้ด้วยสาระน่าสนใจกันดีกว่า เช้านี้ขอแนะนำไอเดีย่แก็ดเจ็ตที่เห็นแล้วก็อึ้งไปเหมือนกัน นั่นก็คือ Yotaro (โยทาโร่) หุ่นยนต์จำลองพฤติกรรมทารกที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ที่ต้องการฝึกหัดเลี้ยง ทารก หรือผู้ที่กำลังจะเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ครับ
สำหรับเทคโนโลยีที่ใช้กับโยทาโร่ไม่ได้มีอะไรใหม่ เพระหากติดตามข่าวสารเว็บไซต์ กันเป็นประจำก็น่าจะผ่านตากันไปบ้างแล้ว โดยอินเตอร์เฟซของโยทาโร่จะเป็นหน้าจอสัมผัสที่ออกแบบให้โค้งมนเหมือนใบหน้า เด็กทารกสามารถโต้ตอบการสัมผัสจากผู้ฝึกหัดได้ นอกจากนี้บริเวณร่างกายของทารกก็จะมีเซ็นเซอร์ และมอเตอร์ เพื่อแสดงอาการดิ้น รวมถึงท้องร้องได้อีกด้วย ช่างคิดจริงๆ เลยนะครับเนี่ย
โยทาโร่เป็นผลงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Tsukuba ในญี่ปุ่น โดยมันสามารถแสดงสีหน้าอารมณ์ต่างๆ ออกมาได้ การลูบใบหน้า เช็ดน้ำตา หรือหยอกล้อด้วยของเล่นจะส่งผลให้โยทาโร่ตอบสนองอารมณ์ต่างๆ ออกมาได้อย่างเหมาะสมด้วยระบบควบคุมอารมณ์บนคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะควบคุมการฉายภาพจากโปรเจ็กเตอร์ทีอยู่ด้านล่าง ส่วนการรับรู้การสัมผัสจะใช้กล้องอินฟราเรดจับภาพจากด้านล่างอีกทีหนึ่ง ที่ ดูแล้วชอบมากๆ คือ โยทาโร่ร้องไห้ (มีถุงน้ำตาอยู่ด้านหลัง) และหัวเราะได้แบบทารกจริงๆ แม้หน้าตาจะดูเป็นการ์ตูนไปสักนิดก็ตาม
ข้อมูลจาก: http://www.arip.co.th/news.php?id=410511
สำหรับเทคโนโลยีที่ใช้กับโยทาโร่ไม่ได้มีอะไรใหม่ เพระหากติดตามข่าวสารเว็บไซต์ กันเป็นประจำก็น่าจะผ่านตากันไปบ้างแล้ว โดยอินเตอร์เฟซของโยทาโร่จะเป็นหน้าจอสัมผัสที่ออกแบบให้โค้งมนเหมือนใบหน้า เด็กทารกสามารถโต้ตอบการสัมผัสจากผู้ฝึกหัดได้ นอกจากนี้บริเวณร่างกายของทารกก็จะมีเซ็นเซอร์ และมอเตอร์ เพื่อแสดงอาการดิ้น รวมถึงท้องร้องได้อีกด้วย ช่างคิดจริงๆ เลยนะครับเนี่ย
โยทาโร่เป็นผลงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Tsukuba ในญี่ปุ่น โดยมันสามารถแสดงสีหน้าอารมณ์ต่างๆ ออกมาได้ การลูบใบหน้า เช็ดน้ำตา หรือหยอกล้อด้วยของเล่นจะส่งผลให้โยทาโร่ตอบสนองอารมณ์ต่างๆ ออกมาได้อย่างเหมาะสมด้วยระบบควบคุมอารมณ์บนคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะควบคุมการฉายภาพจากโปรเจ็กเตอร์ทีอยู่ด้านล่าง ส่วนการรับรู้การสัมผัสจะใช้กล้องอินฟราเรดจับภาพจากด้านล่างอีกทีหนึ่ง ที่ ดูแล้วชอบมากๆ คือ โยทาโร่ร้องไห้ (มีถุงน้ำตาอยู่ด้านหลัง) และหัวเราะได้แบบทารกจริงๆ แม้หน้าตาจะดูเป็นการ์ตูนไปสักนิดก็ตาม
ข้อมูลจาก: http://www.arip.co.th/news.php?id=410511