รายงานข่าวล่าสุด Nvidia บริษัทผู้ผลิตชิปกราฟิกชั้นนำ ประกาศว่า 2010 เป็นปีแห่ง "แท็บเล็ต" (Tablet) กลางงาน CES 2010 พร้อมทั้งแนะนำแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดอย่าง Tegra 2 ที่ใช้ในแท็บเล็ตรุ่นใหม่ของทางบริษัทอีกด้วย
เป้าหมายของแพลตฟอร์ม Tegra 2 ก็คือ การทำให้แท็บเล็ตมีประสิทธิภาพเท่าพีซี แต่ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบมือถือ โดยคุณสมบัติของแพลตฟอร์มดังกล่าว จะประกอบด้วยโพรเซสเซอร์ ดูอัลคอร์ คอร์เท็กซ์ A9 (dual-core Cortex A9 processor) หนึ่งในแปดโพรเซสเซอร์ของบริษัท ซึ่งรวมเอาหน่วยประมวลผลกราฟิก Geforce GPU ไว้ด้วย ทาง Nvidia อ้่างว่า Tegra 2 จะสมรรถนะของความเร็วเป็น 10 เท่าของสมาร์ทโฟน และใช้พลังงานแค่ 500 มิลลิวัตต์เท่านั้น ดังนั้น แบตเตอรี่จะสามารถทำงานได้นานกว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Snapdragon ของ Qualcomm หรือ Atom ของ Intel
Mike Rayfield ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายผลิตภัณฑ์โมบายของ Nvidia กล่าวว่า "ทางบริษัทได้เปลี่ยนจากความต้องการให้แพลตฟอร์ม Tegra ใช้กับ smartbook ไปเป็น slate tablet ในปี 2010 แทน" เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้แพลตฟอร์ม Tegra จะไม่สามารถรัน Windows ได้ (วินโดวส์เป็นโอเอสที่ไม่ทำงานบนโพรเซสเซอร์ตระกูล ARM) Nvidia ต้องการหลีกเลี่ยงความสับสนที่เกิดขึ้นกับเน็ตบุ๊กลินุกซ์ตัวแรก เนื่องจากลูกค้าคาดว่า มันจะสามารถรันแอพพลิเคชันของวินโดวส์ได้ "ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเข้าใจไปเองว่า คอมพิวเตอร์โมบายที่มีลักษณะเป็นฝาพับ (clamshells) ก็คือ พีซีที่รัน Windows 7" Rayfield กล่าว "แท็บเล็ต จะไม่สร้างความสับสนในลักษณะดังกล่าว"
แท็บเล็ตที่ใช้แพลตฟอร์ม Tegra จะมีบราวเซอร์ที่สนับสนุนการใช้แฟลชอย่างสมบูรณ์แบบ (เหมือนกับที่เล่นบนเดสก์ทอปพีซี) เช่นเดียวกับความสามารถทางด้านมัลติมี เดีย แต่จะไม่สามารถรันซอฟต์แวร์ของวินโดวส์ได้ ซึ่ง Nvidia ประกาศว่า Adobe จะพัฒนาเพื่อย้ายการทำงานของแพลตฟอร์ม Adobe Air ให้ไปทำงานบน Tegra เพื่อให้สามารถรันแอพพลิเคชันแฟลชสำหรับคอนเท็นต์ต่างๆ อย่างเช่น นิตยสารดิจิตอล (Digial Magazine) ได้นั่นเอง
สำหรับแท็บเล็ต Tegra ทั้ง 5 เครื่องที่นำมาแสดงในงานนี้ มาจากผู้ผลิตชั้นนำหลายราย ไม่ว่าจะเป็น FoxConn (บริษัทผู้ผลินไอโฟนให้แอปเปิล), MSI, NotionInk, Compal และ ICD โดยทุกเครื่องจะทำงานด้วยหน้าจอสัมผัสแบบ capacitive (ไอโฟน) ทีมีขนาดของหน้าจอระหว่าง 7 - 10 นิ้ว ไม่มีคีย์บอร์ด บางรุ่นมีอินเตอร์เฟซเป็นลินุกซ์ ยกเว้น NotionInk และ ICD ทีทำงานด้วย Android ทุกตัวอ้างว่าสามารถเล่นเพลงฟังต่อเนื่องได้นาน 140 ชั่วโมง และเล่นวิดีโอไฮเดฟต่อเนื่องได้นาน 16 ชั่วโมง
จุดเด่นของ Tegra ก็คือ ความสามารถในการเล่นคอนเท็นต์วิดีโอหนักๆ อย่างเช่น 720p และ 1080p ซึ่งทำให้คุณสมบัติพื้นฐานของมันเหมาะกับการเป็นอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง ในขณะที่แบตเตอรี่ใช้งานได้นานแบบมือถือ "หากคุณต้องการแก็ดเจ็ตที่ใช้แบตเตอรี่ได้นานเป็นวัน ให้ประสบการณ์ในการท่องเว็บที่เยี่ยมยอด และไม่จำเป็นต้องใช้แอพฯสำหรับองค์กรอย่าง ไมโครซอฟท์ออฟฟิศ (Tegra Tablet) นี่คือคำตอบที่ดีที่สุดของคุณ" Rayfield กล่าว "ผมเชื่อว่า อุปกรณ์เหล่านี้จะมีราคาถูกกว่าเน็ตบุ๊กมาก" เขากล่าว "พันธมิตรของเราคาดว่า มันน่าจะมีราคาประมาณ 200 - 300 เหรียญฯ (7,000 - 10,000 บาท) และด้วยราคาระดับนี้ มันสามารถเป็นของฟรีได้ในกรณีของการเข้าสมัครเป็นสมาชิกของเครือข่ายผู้ให้ บริการมือถือ"
นอกจากนี้ Nvidia ยังได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากเยอรมันอย่าง Audi เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้แพลตฟอร์ม Tegra เข้าไปในรถยนต์ เพื่อตอบสนองการทำงานภายในด้วยระบบหน้าจอสัมผัส อย่างเช่น การใช้ซอฟต์แวร์แผนที่นำทางเป็นต้น ไม่เพียงเท่านั้นทางบริษัทยังได้ผลักดันเทคโนโลยี 3D Vision กับบรรดาบริษัทผู้ผลิตโน้ตบุ๊กไม่ว่าจะเป็น Asus, Celvo และ MSI ในการซัพพอร์ตเทคโนโลยี 3D ของ Nvidia ในขณะที่ทางด้านเดสก์ทอปก็จะมี LG, Acer และ Samsung ที่ใช้เทคโนโลยี 3D ของ Nvidia แล้วด้วยเหมือนกัน โดยคุณสมบัติเด่นของเทคโนโลยีดังกล่าวก็คือ อัตราการรีเฟรชที่ 120GHz ทาง Nvidia ยังร่วมมือกับอุตสาหกรรมภาพยนต์ในการประกาศพัฒนาเทคโนโลยี Blu-ray ในรูปแบบของการเล่นหนัง 3D อีกด้วย
ข้อมูลจาก: http://www.arip.co.th/news.php?id=410621
เป้าหมายของแพลตฟอร์ม Tegra 2 ก็คือ การทำให้แท็บเล็ตมีประสิทธิภาพเท่าพีซี แต่ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบมือถือ โดยคุณสมบัติของแพลตฟอร์มดังกล่าว จะประกอบด้วยโพรเซสเซอร์ ดูอัลคอร์ คอร์เท็กซ์ A9 (dual-core Cortex A9 processor) หนึ่งในแปดโพรเซสเซอร์ของบริษัท ซึ่งรวมเอาหน่วยประมวลผลกราฟิก Geforce GPU ไว้ด้วย ทาง Nvidia อ้่างว่า Tegra 2 จะสมรรถนะของความเร็วเป็น 10 เท่าของสมาร์ทโฟน และใช้พลังงานแค่ 500 มิลลิวัตต์เท่านั้น ดังนั้น แบตเตอรี่จะสามารถทำงานได้นานกว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Snapdragon ของ Qualcomm หรือ Atom ของ Intel
Mike Rayfield ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายผลิตภัณฑ์โมบายของ Nvidia กล่าวว่า "ทางบริษัทได้เปลี่ยนจากความต้องการให้แพลตฟอร์ม Tegra ใช้กับ smartbook ไปเป็น slate tablet ในปี 2010 แทน" เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้แพลตฟอร์ม Tegra จะไม่สามารถรัน Windows ได้ (วินโดวส์เป็นโอเอสที่ไม่ทำงานบนโพรเซสเซอร์ตระกูล ARM) Nvidia ต้องการหลีกเลี่ยงความสับสนที่เกิดขึ้นกับเน็ตบุ๊กลินุกซ์ตัวแรก เนื่องจากลูกค้าคาดว่า มันจะสามารถรันแอพพลิเคชันของวินโดวส์ได้ "ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเข้าใจไปเองว่า คอมพิวเตอร์โมบายที่มีลักษณะเป็นฝาพับ (clamshells) ก็คือ พีซีที่รัน Windows 7" Rayfield กล่าว "แท็บเล็ต จะไม่สร้างความสับสนในลักษณะดังกล่าว"
แท็บเล็ตที่ใช้แพลตฟอร์ม Tegra จะมีบราวเซอร์ที่สนับสนุนการใช้แฟลชอย่างสมบูรณ์แบบ (เหมือนกับที่เล่นบนเดสก์ทอปพีซี) เช่นเดียวกับความสามารถทางด้านมัลติมี เดีย แต่จะไม่สามารถรันซอฟต์แวร์ของวินโดวส์ได้ ซึ่ง Nvidia ประกาศว่า Adobe จะพัฒนาเพื่อย้ายการทำงานของแพลตฟอร์ม Adobe Air ให้ไปทำงานบน Tegra เพื่อให้สามารถรันแอพพลิเคชันแฟลชสำหรับคอนเท็นต์ต่างๆ อย่างเช่น นิตยสารดิจิตอล (Digial Magazine) ได้นั่นเอง
สำหรับแท็บเล็ต Tegra ทั้ง 5 เครื่องที่นำมาแสดงในงานนี้ มาจากผู้ผลิตชั้นนำหลายราย ไม่ว่าจะเป็น FoxConn (บริษัทผู้ผลินไอโฟนให้แอปเปิล), MSI, NotionInk, Compal และ ICD โดยทุกเครื่องจะทำงานด้วยหน้าจอสัมผัสแบบ capacitive (ไอโฟน) ทีมีขนาดของหน้าจอระหว่าง 7 - 10 นิ้ว ไม่มีคีย์บอร์ด บางรุ่นมีอินเตอร์เฟซเป็นลินุกซ์ ยกเว้น NotionInk และ ICD ทีทำงานด้วย Android ทุกตัวอ้างว่าสามารถเล่นเพลงฟังต่อเนื่องได้นาน 140 ชั่วโมง และเล่นวิดีโอไฮเดฟต่อเนื่องได้นาน 16 ชั่วโมง
จุดเด่นของ Tegra ก็คือ ความสามารถในการเล่นคอนเท็นต์วิดีโอหนักๆ อย่างเช่น 720p และ 1080p ซึ่งทำให้คุณสมบัติพื้นฐานของมันเหมาะกับการเป็นอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง ในขณะที่แบตเตอรี่ใช้งานได้นานแบบมือถือ "หากคุณต้องการแก็ดเจ็ตที่ใช้แบตเตอรี่ได้นานเป็นวัน ให้ประสบการณ์ในการท่องเว็บที่เยี่ยมยอด และไม่จำเป็นต้องใช้แอพฯสำหรับองค์กรอย่าง ไมโครซอฟท์ออฟฟิศ (Tegra Tablet) นี่คือคำตอบที่ดีที่สุดของคุณ" Rayfield กล่าว "ผมเชื่อว่า อุปกรณ์เหล่านี้จะมีราคาถูกกว่าเน็ตบุ๊กมาก" เขากล่าว "พันธมิตรของเราคาดว่า มันน่าจะมีราคาประมาณ 200 - 300 เหรียญฯ (7,000 - 10,000 บาท) และด้วยราคาระดับนี้ มันสามารถเป็นของฟรีได้ในกรณีของการเข้าสมัครเป็นสมาชิกของเครือข่ายผู้ให้ บริการมือถือ"
นอกจากนี้ Nvidia ยังได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากเยอรมันอย่าง Audi เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้แพลตฟอร์ม Tegra เข้าไปในรถยนต์ เพื่อตอบสนองการทำงานภายในด้วยระบบหน้าจอสัมผัส อย่างเช่น การใช้ซอฟต์แวร์แผนที่นำทางเป็นต้น ไม่เพียงเท่านั้นทางบริษัทยังได้ผลักดันเทคโนโลยี 3D Vision กับบรรดาบริษัทผู้ผลิตโน้ตบุ๊กไม่ว่าจะเป็น Asus, Celvo และ MSI ในการซัพพอร์ตเทคโนโลยี 3D ของ Nvidia ในขณะที่ทางด้านเดสก์ทอปก็จะมี LG, Acer และ Samsung ที่ใช้เทคโนโลยี 3D ของ Nvidia แล้วด้วยเหมือนกัน โดยคุณสมบัติเด่นของเทคโนโลยีดังกล่าวก็คือ อัตราการรีเฟรชที่ 120GHz ทาง Nvidia ยังร่วมมือกับอุตสาหกรรมภาพยนต์ในการประกาศพัฒนาเทคโนโลยี Blu-ray ในรูปแบบของการเล่นหนัง 3D อีกด้วย
ข้อมูลจาก: http://www.arip.co.th/news.php?id=410621
บันทึกการเข้า
