กูเกิ้ลประกาศเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วว่า ทางบริษัทได้ยกเครื่องเทคโนโลยีการค้นหาใหม่ โดยให้ชื่อว่า "Caffeine" โดยสถาปัตยกรรมดังกล่าวได้ถูกแนะนำหลังจากไมโครซอฟท์ยกระดับของสงครามเสิร์ชด้วยการเพิ่มศักยภาพการค้นให้กับ Bing ด้วยการร่วมมือกับ Yahoo ซึ่งเป็นเสิร์ชเอ็นจิ้นอันดับสองของโลก กูเกิ้ลกล่าวเมื่อวันพุธที่่ผ่านมาว่า Caffeine จะทำให้ผู้ใช้ได้พบกับประสบการณ์การค้นทีทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ทันสมัยกว่า และมีความสัมพันธ์ของข้อมูลที่มากขึ้น อันเป็นผลจากการเติบโตที่รวดเร็วของเว็บ
เพื่อให้เข้าใจการทำงานของ Caffeine ก่อนอื่นคุณผู้อ่านต้องทราบข้อเท็จจริงพื้นฐานก่อนว่า กูเกิ้ลไม่ได้ค้นหาทั้งเว็บ เพื่อตอบสิ่งที่ผู้ใช้สืบค้น (queries) แต่มันใช้การทำดัชนี (index) ของเว็บ คุณภาพของผลลัพธ์จึงขึ้นอยู่กับวิธีที่เสิร์ชเอ็นจิ้นรักษาความสดใหม่ของดัชนีฐานข้อมูลเว็บที่ทำขึ้น ภายใต้ระบบเดิม กูเกิ้ลจะใช้บอต (โปรแกรมขนาดเล็ก) ไต่ไปทั่วทั้งเว็บ เพื่ออัพเดตหน้าเว็บต่างๆ เป็นชุดใหญ่เข้าไปทำเป็น index โดยการอัพเดตเว็บเพจแต่ละหน้าเข้าไปในหน้าผลลัพธ์จะไม่เกิดขึ้นจนกว่าการเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ในขั้นตอนแรกจะเสร็จสิ้น ซึ่งนั่นหมายความว่า มันจะเกิดการหน่วงเวลาระหว่างเวลาที่กูเกิ้ลได้พบ หรืออัพเดตหน้าเว็บหนึ่งๆ กับการทำให้มันไปโผล่ในหน้าผลลัพธ์ที่ผู้ใช้สืบค้นได้
แต่ด้วยระบบการทำ index แบบใหม่ กูเกิ้ลจะส่งบอตให้ไปไต่ตามเว็บต่างๆ ด้วยขนาดของงานที่เล็กลงกว่าเดิม ในขณะเดียวกันก็จะมีการอัพเดต index อย่างต่อเนื่อง "เมื่อเราพบหน้าเว็บใหม่ๆ หรือข้อมูลข่าวสารใหม่บนหน้าเว็บที่มีอยู่บนเน็ต เราสามารถเพิ่มข้อมูลใหม่เหล่านี้เข้าไปใน index ได้โดยตรง" Carrie Grimes วิศวกรกูเกิ้ล โพสต์ไว้ในบล็อกของบริษัท Caffeine สามารถวิเคราะห์เว็บเพจได้หลายแสนหน้าต่อวินาที โดยจะทำงานคู่ขนานไปกับการเพิ่มข้อมูลข่าวสารใหม่นั้นเข้าไปใน index ด้วยอัตราการเติบโตหลายแสนกิกะไบต์ต่อวัน ซึ่งทางกูเกิ้ลเปิดเผยว่า ขณะนี้ Caffeine ใช้สตอเรจในการเก็บ index เกือบจะ 100 ล้านกิกะไบต์เข้าไปแล้ว
ข้อมูลจาก: dvice
แสดงบนเว็บไซด์ : http://www.it4x.com
ที่อยู่ของข้อความต้นฉบับ: http://www.arip.co.th/news.php?id=411449
บันทึกการเข้า
