โมเดลการสร้างรายได้ของทวิตเตอร์ในลักษณะของการทำอีคอมเมิร์ซนั้น ทางบริษัทได้ประกาศบัญชีผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @earlybird ซึ่งจะเป็นการเปิดช่องทางในการเสนอขายสินค้าที่มีเงื่อนไขพิเศษในระยะเวลาจำกัดให้กับผู้ที่ติตดาม (following) แอคเคาต์ทวิตเตอร์ @earlybird โดยมันจะมาพร้อมกับลิงค์ เพื่อเข้าถึงรายละเอียดของสินค้า และบริการนั้นๆ ไอเดียการขายผ่านออนไลน์ในลักษณะนี้จะคล้ายกับโมเดลของเว็บไซต์ Gilt, Groupon และ Woot (ของ Amazon) ที่ขายสินค้าราคาพิเศษในช่วงเวลาจำกัด ซึ่งเป็นแนวโน้มของออนไลน์ชอปปิ้งในปัจจุบัน ความจริงในทวิตเตอร์เองก็มีผู้ใช้บริการที่ดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซทีใกล้เคียงกัน และประสบความสำเร็จพอสมควรแล้วด้วย อย่างเช่น Dell ที่ขายคอมพิวเตอร์ผ่านทวิตเตอร์ได้หลายล้านเหรียญฯ
ข้อเสนอในรูปแบบนี้สามารถใช้ได้กับผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ไอพอด (iPod) ไปจนถึงผ้าอ้อม หรือแม้แต่ในรูปแบบของอีเวนต์ต่างๆ ไมว่าจะเป็น ตั๋วคอนเสิร์ท หรือท่องเที่ยว ซึ่งข้อความที่โพสต์ไว้ในบล็อกของบริษัท ทวิตเตอร์ยังได้เปิดเผยอีกด้วยว่า ในอนาคตบริการนี้จะสามารถคัดกรองข้อตกลงของสินค้า หรือบริการประเภทต่างๆ แยกตามหมวดได้ด้วย อย่างเช่น หมวดเครื่องแต่งกาย หรือแก็ดเจ็ต เป็นต้น ทางทวิตเตอร์ย้ำว่า มันจะเลือกให้บริการกับข้อตกลง หรือข้อเสนอที่ให้สิทธิพิเศษจริงๆ และมีคุณค่ากับผู้ใช้บริการเท่านั้น
ผู้ค้าปลีกที่สนใจจะเข้าร่วมโปรแกรมจะต้องกำหนดราคาของสินค้า และจำนวนสินค้าที่จะเล่นกับโปรแกรมการขายในลักษณะนี้ โดยทางทวิตเตอร์จะหารายได้จากส่วนแบ่งยอดขายที่ได้ อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทจะทดลองโมเดลรายได้ในรูปแบบต่างๆ อย่างเช่น ตัดแบ่งจากยอดขายในแต่ละทรานสแอคชั่นที่เกิดขึ้น หรือคิดค่าบริการที่แน่นนอนไปเลยในแต่ละข้อตกลง (fixed price) Sean Garrett ตัวแทนของทวิตเตอร์ กล่าว ทั้งนี้ผู้ค้าปลีกออนไลน์จะร้องขอหมายเลขบัตรเครดิต และข้อมูลอื่นๆ เพื่อให้กระบวนการซื้อขายสมบูรณ์เอง ไม่เกี่ยวข้องกับทวิตเตอร์
ผู้ใช้ที่ตามแอคเคาต์ @earlybird จะได้พบกับข้อเสนอแรกในเร็วๆ นี้ โดยทางบริษัทจะเริ่มต้นในสหรัฐ แต่จะพิจารณาข้อเสนอที่เกิดขึ้นเฉพาะเมืองต่างๆ ภายในประเทศก่อน ส่วนการให้บริการในประเทศต่างๆ จะค่อยตามมาในภายหลัง หากโมเดลการสร้างรายได้ด้วย @earlybird ประสบความสำเร็จ ทวิตเตอร์จะกลายเป็นคู่แข่งของเว็บไซต์ Groupon และ เว็บไซต์อื่นๆ ที่ให้ข้อเสนอในการซื้อขายด้วยวิธีเดียวกันนี้ ซึ่งรวมถึง Woot, Gilt และเว็บไซต์อืืนๆ อีกมากมาย "หากพิจารณาในเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจแล้ว แนวคิดของ Social Commerce ในลักษณะของการหยิบยื่นข้อเสนอพิเศษ โดยเน้นโวลลุ่มการซื้อภายในระยะเวลาจำกัด เป็นการใช้ข้อได้เปรียบของกลไกโซเชียลเน็ตเวิร์ก และอีคอมเมิร์ซ เพราะนอกจากจะทำให้เกิดการซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว และจัดการวัดผลประเมินโอกาสได้แล้ว ยังช่วยสร้างกระแสให้เกิดการพูดถึงในลักษณะของ viral marketing (บอกต่อของคนในสังคมออนไลน์) ได้ทราบกันอีกด้วย" ประสิทธิ์ วรฉัตราวณิช ผู้อำนวยการนิวมีเดีย และอีคอมเมิร์ซ บริษัท เอ.อาร์.ไอ.พี จำกัด มหาชน กล่าว
ข้อมูลจาก: topnews
แสดงบนเว็บไซด์ : http://www.it4x.com
ที่อยู่ของข้อความต้นฉบับ: http://www.arip.co.th/news.php?id=411659
บันทึกการเข้า
