ข่าว IT ล่าสุด
ถูกใจอย่าลืม Like Fanpage
10อาหารอันตรายที่ไม่จำเป็น กับ อาหาร 5รสได้ประโยชน์ครบถ้วน
แสดงแล้ว 4284 ครั้ง /
กันยายน 20, 2010, 11:50:07

limited_

ออฟไลน์ ( เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร สาธุ สาธุ )
กระทู้ : 614
คะแนนขอบคุณ : 13
10 อาหารสุดอันตรายไม่จำเป็นต้องกิน
เดี๋ยวนี้คนไทยนิยมบริโภคฟาสต์ฟู๊ดมากยิ่งขึ้น  เพราะอร่อยและทันอกทันใจ  แต่หารู้ไม่ว่าการทานอาหารแบบนั้นบ่อยๆ  จะทำให้เราตายผ่อนส่งไปทีละนิดๆๆ  และนี่คืออาหารที่ เราแนะนำว่าถ้าไม่จำเป็นก้อย่ากินมีนเลย

จากข้อมูลของ “Team Comtent” สำนักงานออกทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสา.)  พบว่ามี “เมนูโปรด” ของใครหลายคนถูกจัดเป็น “อาหารอันตราย”  อย่างน้อยๆ 10 ชนิดได้แก่…

1. แฮมเบอร์เกอร์  จัดเป็นอาหารประเภทที่  “มีความเสี่ยงสูง” เพราะเวลาที่สูญเสียไปในระหว่างรอกระบวนการนำ “เนื้อ” มาใช้ปรุง  ทำให้มี “แบททีเรีย” เกิดขึ้นได้สูง  ทำให้จำเป็นต้องมีการใช้  “สารเคมีสีแดง”  มาช่วยกำจัดเนื้อที่กำลังจะเน่าเสียทำให้เนื้อแดงเปลี่ยนเป็นเขียว

นอกจากนี้แฮมเบอร์เกอร์ทั้งหมดจะใส่ “สารปรุงรส” (MSG=Monosodium  Glutamate ) ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้  โดย “MSG” เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้นด้วย

2. ฮอทด็อก เป็นอีก “เมนูอันตราย” เพราะมีกระบวนการผลิตคล้ายแฮมเบอร์เกอร์  และ  “ฮอทด็อก” ทั้งหมดยังใส่ “สารไนไตรท์” เพื่อช่วยให้เนื้อยึดตัวและช่วยเติมไส้กรอกให้เต็มโดย “สารไนไตรท์”  เป็นสารที่ทำให้เกิด “ดรคมะเร็ง” ในกระเพราะอาหาร  มะเร็งในเม็ดเลือดเนื้องอกในสมอง  และมะเร็งในกระเพราะปัสสาวะนอกจากนี้ “ถุงหลอด” ที่ใช้บรรจุฮอทด็อกก็ทำจาก “คอลลาเจนสังเคราะห์” ที่เป็นสารก่อให้เกิด “โรคมะเร็ง” ได้สูง  มีไขมันที่เป็นสารประกอบไม่เปิดเผยอยู่ประมาณ 40% เมื่อนำไปปิ้งย่างมันจะทำให้มี “สารพิษร้ายแรง”  ที่เรียกว่า “อะคริลิไมค์” (Acrylimides) ออกมาซึ่งรู้จักดีว่าเป็นสารก่อมะเร็งและ “ทำลายประสาท”

3. เฟร้นช์ฟราย – มันฝลั่งทอด เป็นอาหารที่มี “ความเป็นพิษสูง” โดยการทอด “เฟร้นช์ฟราย” ใช้อุณหภูมิสูงทำให้มี “สารอะคริลิไมด์” ออกมา  นอกจากนี้ “น้ำมัน” ที่ใช้ทอดมันฝลั่งแต่ละครั้งจะเกิดการ “ออกซิไดซ์” ในมันฝลั่งยังมี “ดรรชนีกลีซิมิค” (Glycemic) อยู่สูงมาก..นั่นหมายถึงมันเปลี่ยนให้กลายเป็นน้ำตาลภายในร่างกายได้เร็วมาก

4. คุกกี้ ที่เด่นชัดมากคือสักส่วนของน้ำตาลมีอยู่สูงถึง 23 กรัมเลยทีเดียว  ซึ่งอาหารในประเภทที่มีน้ำตาลปริมาณสูงเช่นนี้  จะทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นเหิกริ้วรอยได้เร็วยิ่งขึ้น

5. พิซซ่า “พิซซ่า” ประกอบด้วยอาหารที่มาจากการ “ตัดแต่งพันธุกรรม”  5 ชนิดคือ…

-           เนยแท้ (Cheese) เพียง 10 % เท่านั้น  ซึ่งไม่ควรเรียกว่าเนยแท้ได้เลย..

-           ที่ผ่านการปรุงแต่งให้ขาวที่ได้ทำการฟอกสี  ทำให้วิตามินและเกลือแร่ออกไปแล้วแต่ได้ทำการเติมเกลือแร่สังเคราะห์ตามจำนวนโมเลกุลที่เคยมีอยู่เข้าไปใหม่…

-           ซอสมะเขือเทศ  ทำด้วยสารคล้ายมะเขือเทศที่สร้าง  “ยาฆ่าแมลง” ของมันขึ้นมาได้เองในร่างกายของท่าน…

-           แป้งสาลี  ชนิดที่มีการตัดแต่งทางพันธุกรรม

-           มีน้ำมันฝ้าย  ประกอบอยู่  โดยฝ้ายไม่ได้จัดเป็นพืชพวกอาหาร  มันผ่านการสเปรย์ด้วยยาฆ่าแมลงที่ชาวไร่ใช้  ในฝ่ายเมล็ดจะเป็นตัวดูดเอาสารพิษต่างๆ  เอาไว้ได้มากที่สุด

ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ  และกระทรวงสาธาธารณสุขต่างไม่ไห้ความร่วมมือซึ่งกันและกันที่จะรับรองว่ามันปลอดภัยต่อการบริโภคได้หรือไม่  มันไม่ได้ช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้น  แต่มันเป็น “นำมันไฮโดรจีเนต” และมีอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ “ผิวหน้าแป้งพิซซ่า”  ที่อบปิ้งในอุณหภูมิ  อาจมี “สารอะคริลิไมค์” เกิดขึ้นด้วยขณะที่การเพิ่มหน้าพิซซ่า “เพ็พเปอโรนิ” หรือ เพิ่มหน้าไส้กรอกทำให้มีความเสี่ยงสูงจาก “ไนไตรท์” สารกันบูดและสารเคมีอื่นๆ  รวมทั้งไขมันอิ่มตัวที่มีการเดิมเข้าไปจากโรงงานอีกด้วย

6. น้ำมันอัดลม  สารตัวสำคัญที่มีอยู่ใน “น้ำอัดลม”  คือ “กรดกำมะถัน” (Phosphoric acid) ซึ่งมีความเป็นกรดสูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน  กรดที่สะสมอยู่ในร่างกายทำให้ยากที่จะทำให้น้ำหนักลดลงได้  และ “น้ำโซดา” ที่เป็นส่วนประกอบอีกตัวหนึ่งของน้ำอัดลมจะเปิดตัวซะล้างแคลเซียมออกจากกระดูก  จนทำให้เกิด “โรคกระดูกพรุน” นอกจากนี้ในน้ำอัดลม 1 กระป่องจะมี “น้ำตาลที่ไม่ให้พลังงาน” อยู่ 12 ช้อนชา  ในน้ำอัดลมที่ช่วยลดน้ำหนักตัว หรือ Dict soda ที่ใช้ “น้ำตาลเทียมสังเคราะห์” (Artificial sweetener) เพิ่มความหวานจะทำให้ร่างกายกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้นเพราะน้ำตาลสงเคราะห์เหล่านี้มีความหวานมากกว่าน้ำตาลธรรมดามาก  ขนาดที่ “สี” ที่ใช้เติมในน้ำอัดลมยังเป็น “สารก่อมะเร็ง” อีกด้วย

7. ชิ้นไก่ทอด – เนื้อนุ่มไร้กระดูก  เป็นเมนูที่ทำมาจากชิ้นส่วนของไก่ที่ใช้แล้ว  การรับประทานต่อครั้งโดยทั่วไปจะให้พลังงาน  340 แคลลอรี 50% เป็นไขมัน  มีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก  ซึ่งมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูงมีการเติมสารปรุงรส “MSG” ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้นอกจากนี้ “นัคเก็ตชิคเก้น” บางอันจะมี  “สารอลูมิเนียม”  ซึ่งเป็นอันตรายต่อสมองและเป็นอันตรายต่อการเผาพลาญของร่างกายด้วย

8. ไอศกรีม  มีไขมันสูงมากเกินกว่า 50% ของไขมันที่แนะนำบริโภคต่อวัน  มัคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน  มีน้ำตาลอยู่มากทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น  เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น  เต็มไปด้วยไขมันไฮโดรจีเนตและไขมันที่แปรเปลี่ยน  (Transfat) ไปจากธรรมชาติ  และยังช่วยเพิ่มพูนโคเลสเตอรอล  ทำให้สันเลือดแดงอุดตัน  ทำให้มีสารอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มมากขึ้น  ซึ่งทำให้เป็นสาเหตุของมะเร็ง

9. โดนัท  โดนเฉลี่ยแล้วจะให้พลังงาน 300 แคลอรี่  โดยในโดนัท 1 ชิ้นมีแป้งคาร์โบไฮเดรตอยู่มากกว่า 50 % ของที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน  มีเกลือโซเดียมสูงมาก  ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้  นอกจากนี้โดนัทยังทอดในน้ำที่มีอุณหภูมิที่สูง  ซึ่งน้ำมันประเภทนี้จะทำให้มีกลิ่นหืนและมีสารอนุมูลอิสระเกิดขึ้น  ทำให้เกิดสารพิษ  และทำให้ร่างกายเผาพลาญช้าลง  เป็นการคุกคามต่อสุขภาพได้  และยังเป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น

10. อาหารขบเคี้ยวยามว่าง  ในปัจจุบันมีการบริโภค “โฟเตโต้ซิพ”กันมาก  โดยน้ำมันที่ใช้ในการทอดโปเตโต้ซิพในแต่ละครั้งจะเกิดการออกซิไดร์ (Acrylimides) ซึ่งเป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายระบบประสาทออกมา  นากจากนี้การรับประทานโปเตโต้ชิพ 1 ถุงอาจได้รับสารอะคริลิไมด์สูงมากกว่า 500 เท่า  เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราสูงสุดที่อนุญาตให้มีในน้ำดื่มทั่วไปๆได้  การรับประทานโปเตโต้ชิพ 1 ชิ้น  อาจได้รับสารอะคริไมค์เท่ากับอัตตราที่มีอยู่ในน้ำดื่ม 1 แก้ว

ขอของคุณ  ที่มา : นิตยสาร Spicy


กินครบ 5 รส ได้ประโยชน์ครบถ้วน
คงจำกันได้กับบทเรียนเมื่อสมัยประถมที่คุณครูเคยสอนว่า  ลิ้นของเรามีตุ๋มรับรสอยู่ 5 รส  ด้วยกันคือเปรี้ยว  หวาน  เด็มเผ็ด  ขม  รสทั้ง 5  รสนี้หากผสมรวมกันอย่างพอเหมาะก็จะทำให้เกิดเป็นรสอร่อยขึ้นมาได้  อีกทั้งรสชาติและละรสนี้ก็ยังมีคุณประโยชน์ต่อส่วนต่างๆ  ของร่างกายต่างกันออกไปด้วย

                อาหารรสหวาน  เช่น  ความหวานจากน้ำผึ้งและผลไม้ต่างๆ  นั้นมีประโยชน์ต่อระบบย่อยและการทำงานของม้ามช่วยเสริมการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต  แต่ถ้ากินหวานมากเกินไปก็ทำให้อ้วนและเสี่ยงต่อโรคเบาหมาน  อาหาร รสเค็ม  เช่น  ปลาเค็ม  เนื้อเค็ม  จัช่วยให้ลำใส้ดูดซึมดี  แต่ถ้ากินเค็มมากไปก็จะทำให้เสี่ยงต่อโรคไตได้

                อาหารรสเปรี้ยวจากผลไม้ต่างๆ  มีประโยชน์ต่อตับและถุงน้ำดี  ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น  แต่กินเปรี้ยวมากไปกระเพราะอาหารอาจระคายเคืองได้  อาหารรสขมจากพืชผักต่างๆ  มีประโยชน์ต่อหัวใจ  ช่วยในการทำงานของระบบย่อยและดูดซึมสารอาหาร  รวมไปถึงระบบขับถ่ายของเสีย  ส่วนอาหารรสเผ็ดอย่างพริก ขิง  กระเทียม  ก็จะช่วยกระตุ้นให้เจริญอาหาร  ช่วยขับสารพอษ  และช่วยให้ระบบไหลเวียนคล่องตัวขึ้น  แต่กินมากไประวังเป็นกระเพราะอาหารได้

ที่มา : [direct]http://www.krabork.com[/direct]


RebellioN

ออฟไลน์ ( ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ จะสูงต่ำอยู่ที่ทำตัว )
กระทู้ : 670
คะแนนขอบคุณ : 6
กันยายน 21, 2010, 09:34:51
โอ้

งั้นขอ จำศีลตลอดกาลเลยดีกว่าครับ


มีตั้ง 5 อย่างแหนะ ที่ชอบ



+1 เลยครับ พี่แบงค์กับความรู้ที่มาเตือนก่อนที่จะสายไปมากกว่านี้

limited_

ออฟไลน์ ( เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร สาธุ สาธุ )
กระทู้ : 614
คะแนนขอบคุณ : 13
กันยายน 21, 2010, 10:24:55
โอ้

งั้นขอ จำศีลตลอดกาลเลยดีกว่าครับ


มีตั้ง 5 อย่างแหนะ ที่ชอบ



+1 เลยครับ พี่แบงค์กับความรู้ที่มาเตือนก่อนที่จะสายไปมากกว่านี้
ช่วงนี้กำลังกินกำลังนอน
ต้องดูแดสุขภาพตัวเองครับ
หาอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายกินกันดีกว่า
ก่อนจะแก่ชราแล้วค่อยมาหาของดีๆกิน

~CoOp€r!~

ออฟไลน์
กระทู้ : 48
คะแนนขอบคุณ : 1
กันยายน 26, 2010, 16:09:51
อาหารจานโปรด ทั้งนั้นนนนนนนนน

 

ด้วยฟังค์ชั่น ตอบด่วน คุณสามารถใช้โค๊ดและ เครื่องหมายแสดงอารมณ์ได้ เหมือนการตั้งกระทู้ธรรมดา แต่สามารถทำได้สะดวกกว่า

ระวัง: หัวข้อนี้ไม่มีการอัพเดทมานานถึง 120 วัน

แจ้งเตือน: โพสของคุณจะไม่แสดงจนกว่าผู้ดูแลจะอนุมัติ.
ชื่อ: อีเมล์: