กล่าวโดยสรุป Super-Wi-Fi ก็ยังคงเป็นเทคโนโลยี Wi-Fi อยุ่วันยังค่ำ โดยมันยังมีลักษณะของการส่งข้อมูลไร้สายที่ใช้กันตามบ้านเรือน ที่พักอาศัย ตลอดจนสำนักงาน หรือแม้แต่ในสตาร์บัค เพียงแต่มันจะเก่งกว่ามาก ไม่งั้นไม่มีคำว่า "Super" นำหน้าอย่างแน่นอน...แต่ประเด็นที่มีการเปลี่ยนแปลงก็คือ ช่วงความถี่ (หรือ Spectrum) ที่ใช้ โดยผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า ปกติ Wi-Fi จะมีช่วงการรับส่งข้อมูลไร้สายอยุ่ที่ 2.4GHz หรือ 5GHz ซึ่งเมื่อ 25 ปีก่อนทาง FCC ได้เปิดช่วงความถี่ที่ไม่ได้มีการใช้นั่นคือ 50MHz และ 700MHz โดยช่วงความถี่นี้เองที่จะถูกนำมาใช้กับเทคโนโลยี Super Wi-Fi
ประเด็นก็คือ ช่วงความถี่ดังกล่าวจะอยู่ในช่วงของช่องสัญญาณ TV (White Noise) แต่เมื่อทีวีเป็นดิจิตอลโดยสมบูรณ์ ช่วงความถี่เหล่านี้จะไม่ได้ถูกใช้แต่อย่างใด ซึ่งหากสามารถนำมาใช้กับ Super Wi-Fi คุณประโยชน์ที่โดดเด่นมากๆ ก็คือ ระยะทางของการส่งคลื่น หรือพูดง่ายๆ ก็คือ รัศมีการครอบคลุมของสัญญาณที่กว้างกว่า Wi-Fi เป็นหลายกิโลเมตร!!! เนื่องจากความถี่ที่ต่ำกว่าทำให้มันเดินทางไปได้ไกลกว่านั่นเอง อีกทั้งยังมีอำนาจทะลุทะลุวงกำแพงได้อีกด้วย ซึ่งเราท์เตอร์ที่ใช้ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะยังมีปัญหาเรื่องนี้ นอกจากรัศมีทีกว้างไกลแล้ว Super Wi-Fi ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดได้ด้วยความเร็ว 15Mbps - 20Mbps หรือเท่าๆ กับเคเบิ้ลโมเด็ม
ปัจจุบัน Google ได้ทดลองใช้ Super Wi-Fi ในโรงพยาบาลที่ Ohio เป็นที่แรก ปรากฎว่า ความเร็วที่ใช้งานได้ตลอดทั่วทั้งโรงพยาบาลอยู่ในระดับ Super Broadband เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีการทดลองใช้คลื่นความถี่ดังกล่าวในการฟีดข้อมูลจราจร และจากกล้องรักษาความปลอดภัย หรือแม้แต่การเข้าถึง Wi-Fi ที่บ้านที่อยู่ห่างไปหลายช่วงตืกได้อีกด้วย เทคโนโลยี Super Wi-Fi ยังคงต้องได้รับการแก้ไขปัญหา หรือผลกระทบต่างๆ ตลอดจนพิสูจน์ทราบการใช้งานจริงอีกพอสมควร โดยจะมีการทดลองให้เห็นการใช้งานใน CES 2011 และเราคงจะได้เห็นอุปกรณ์ทีใช้เทคโนโลยี Super Wi-Fi ในท้องตลาดอีกประมาณ 1 - 2 ปีข้างหน้า Google เปรียบเทียบเทคโนโลยี Super Wi-Fi ว่า มันเป็นการฉีดสเตียรอยด์ให้กับ Wi-Fi โอ้ว...ชัดเจนจริงๆ
ข้อมูลจาก: GeekWhiteLaptop
แสดงบนเว็บไซด์ : [direct]http://www.it4x.com[/direct]
ที่อยู่ของข้อความต้นฉบับ: [direct]http://www.arip.co.th/news.php?id=412302[/direct]