กุมารแพทย์เตือนผู้ปกครองระวังโรคปอดบวมในเด็กเล็กช่วงหน้าฝนจนถึงหน้าหนาวปลายปีนี้ ชี้โรคระบบทางเดินหายใจแพร่กระจายและระบาดได้ง่าย ย้ำหากเด็กเล็กป่วยให้ดุแลอย่างใกล้ชิด
รศ.คลินิก นพ.สรศักดิ์ โล่ห์จินดารัตน์รอง ผอ.และหัวหน้าหน่วยระบบหายใจและไอซียู สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เปิดเผยว่า ช่วงนี้เข้าสู่ช่วงหน้าฝน อากาศชื้นและเย็น ซึ่งอาการเจ็บป่วยของเด็กเล็กพบได้บ่อย โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจในเด็กเล็ก เช่น โรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ รวมถึงโรคปอดบวม ก็เป็นอีกโรคที่พบบ่อยในเด็กเล็กในช่วงฤดูฝน นอกจากจะเกิดการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่ปอดแล้ว ยังเป็นโรคที่คอยผสมโรงกับโรคไข้หวัดใหญ่ ทำให้ติดเชื้อรุนแรงขึ้น และรักษาได้ยากขึ้น โดยกลุ่มเสี่ยงคือเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ขวบ และเด็กที่เป็นโรคเรื้อรังต่างๆ เพราะภูมิต้านทานยังไม่แข็งแรงพอ
"สาเหตุสำคัญของโรคปอดบวมเกิดได้ทั้งจากเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย หากเกิดจากเชื้อไวรัสสามารถหายได้เองภายใน 2-3 วัน ถ้าดูแลรักษาร่างกายอย่างถูกวิธี ส่วนเชื้อแบททีเรียจะมีอาการรุนแรงกว่าเกิดจากเชื้อไวรัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดจากเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัส ที่อาศัยอยู่ชุกในโพรงจมูก และเยื่อบุคอหอยของเด็ก ซึ่งมีการดำเนินของโรคสั้นมากเพียง 2-3 วัน โดยเชื้อนี้จะเข้าไปทำลายเนื้อปอด ทำให้ไม่สามารถส่งออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกายได้ ทำให้ขาดออกซิเจน และอาจเสียชีวิตในที่สุด" รศ.คลินิค นพ.สรศักดิ์ กล่าวด้วยว่าหากฤดูฝนนี้ลูกเริ่มมีอาการเจ็บป่วย แม้เพียงเล็กน้อย พ่อแม่อย่านิ่งนอนใจ ควรเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะหากเป็นโรคปอดบวม เพราะจากสถิติพบว่าโรคปอดบวมยังคงเป็นโรคที่คร่าชีวิตเด็กเล็กที่เสียชีวิตทั่วโลกในแต่ละปีอีกทั้งโรคปอดบวมยังก่อให้เกิดความเสี่ยงสูงที่พิการอีกด้วย
"การป้องกันไม่ให้เกิดโรคย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุด ได้ แก่ การให้ทารกดื่มนมแม่ รับประทานอาหารครบ 5หมู่ พักผ่อนอย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงการพาเด็กเล็กไปในสถานที่แออัด เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ และปัจจุบันมีการคิดค้นวัคซีนใหม่ๆ ช่วยป้องกันโรคปอดบวม เช่น วัคซีน ไอพีดี ซึ่งเป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากแต่ยังเป็นทางเลือกที่พ่อแม่ต้องพิจารณาฉีดให้บุตรหลาน" รศ.คลินิก นพ.สรศักดิ์ กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ดูแลสุขภาพด้วยน่ะครับ ทุกคน ^^