นอกจากรายได้ที่คาดว่าจะลดลงไป 300 ล้านเหรียญฯแล้ว ทางบริษัทยังจะต้องใช้จ่ายอีกประมาณ 700 ล้านเหรียญฯในการเปลี่ยนชิป และระบบที่มีข้อผิดพลาดอีกด้วย สำหรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจะอยู่ในชิปเซต (หรือชิปที่ใช้สนับสนุนการทำงาน) ของโพรเซสเซอร์ Intel โมเดลล่าสุดที่ชื่อ Sandy Bridge ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาทางด้านการทำงานกราฟิกของคอมพิวเตอร์ หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นแพลตฟอร์มที่ชนกับคู่แข่งอย่าง AMD นั่นเอง
ทั้งนี้ Intel เปิดเผยว่า ทางบริษํทได้แก้ไขข้อผิดพลาดแล้ว และเริ่มผลิตชิปเวอร์ชันใหม่ที่แก้ไขปัญหาแล้วด้วย "เนื่องจากชิปเซตที่มีปัญหาเกิดขึ้นกับแพลตฟอร์มที่เพิ่งออก ซึ่งยังไม่มีการใช้ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่นี้มากนัก ช่วยให้ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่มากเกินไป" นักวิเคราะห์ กล่าว ชิปเซต (Chipset) หมายถึง ชิปที่สนับสนุนการทำงานร่วมกับโพรเซสเซอร์ที่เปรียบสมองของคอมพิวเตอร์ โดยจะเชื่อมโยงการทำงานของแพลตฟอร์ม (โพรเซสเซอร์+ชิปเซต) กับชิ้นส่วนอื่นๆ ของคอมพิวเตอร์ และฟังก์ชันต่างๆ อย่างไรก็ตาม การเกิดปัญหากับชิปแค่หนึ่งตัวในชิปเซตอาจจะต้องใช้เวลาร่วมเดือนในการผลิต
อินเทลคาดว่า จะเริ่มส่งมอบชิปเซตอัพเดตให้กับลูกค้าได้ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งทางบริษัทได้ส่งมอบชิปมีปัญหา และต้องใส่ตัวใหม่เข้าไปแทนถึง 8 ล้านตัว อย่างไรก็ดี ทางบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว โดยระบบทั้งหมดจะได้รับการเปลี่ยน และแก้ไข ตลอดจนส่วนของการผลิตชิปที่ถูกต้องสมบูรณ์จะดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป ทั้งนี้โพรเซสเซอร์ในแพลตฟอร์ม Sandy Bridge จะไม่สามารถทำงานได้หากขาดชิปเซตใหม่ นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ Intel เสียโอกาส ในขณะที่ AMD ก็มีแพลตฟอร์มใหม่ออกมาเหมือนกัน
ล่าสุดยังไม่มีรายงานจากผู้บริโภคว่า พบปัญหาการใช้งานแต่อย่างใด นับตั้งแต่เปิดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ที่ใช้แพลตฟอร์ม Sandy Bridge มาตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่ไปพร้อมกับชิปเซตที่มีปัญหา สำหรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเกิดในขั้นตอนการทดสอบที่เรียกว่า Stress test โดยพบว่า มีอยู่หนึ่งฟังก์ชันในชิปเซตที่มันหยุดทำงานก่อนคอมพิวเตอร์จะหมดอายุใช้งานตามค่าเฉลี่ย พูดง่ายๆ ก็คือ ฟังก์ชันดังกล่าวมีอายุสั้นกว่าอายุการใช้งานของเครื่องคอมพิวเตอร์นั่นเอง
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง: Intel
แสดงบนเว็บไซด์ : http://www.it4x.com
ที่อยู่ของข้อความต้นฉบับ: http://arip.co.th/news.php?id=413118