แม้เธอจะไม่ได้รายได้จากยอดขายอีบุ๊คทั้งหมด แต่มันก็มากถึง 70% (Amazon ชาร์จ 30%) โดยเธอสามารถขายอีบุ๊คได้ประมาณ 100,000 ก็อปปี้ต่อเดือน ซึ่งหากเปรียบเทียบกับการเป็นหนังสือเล่มขายดีของนิวยอร์กไทม์จะต้องมียอดขาย 2 - 3 หมื่นเล่มในสัปดาห์แรก อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบเช่นนี้มันก็อาจจะดูไม่ยุติธรรมสักเท่าไร เนื่องจาก Hocking ขายหนังสือของเธอในราคาเล่มละ 0.99 - 3 เหรียญฯ (ประมาณ 32 - 100 บาท) แต่ประเด็นคือ การทำให้ราคาของหนังสือต่ำลงทำให้เธอสามารถขายในโวลุ่มที่มากกว่า โดยเฉพาะการกระหน่ำซื้อในช่วงเปิดตัว ในขณะเดียวกัน ต้นทุนอีบุ๊คไม่มีค่าพิมพ์ ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับยอดพิมพ์ พื้นที่ว่างบนชั้นหนังสือ สต๊อค ฯลฯ ที่สำคัญนักเขียนยังได้ค่าตอบแทนจากงานถึง 70% ต่อเล่มเลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้ อีบุ๊คที่ขายดีใน Kindle Store เป็นของ J.A. Konrath แต่เนื่องจากเขาเป็นคนดัง เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาเคยมีผลงานเขียนเล่มที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว ซึ่งจะไม่เหมือนกับกรณีของ Hocking ซึ่งเธอเริ่มจากเผยแพร่เรื่องราวบนบล็อกก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น Kndle ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจอีกประเด็นหนึ่งก็คือ นักเขียนไร้สังกัดที่มีผลงานติด 25 อันดับอีบุ๊คขายดีของ Kindle มีเพียงแค่ 6 คนเท่านั้นที่ก่อนหน้านี้มีผลงานกับสำนักพิมพ์ ในกรณีของ Hocking เธอมียอดขายอีบุ๊ค (ราคา 1 - 3 เหรียญฯ) อยู่ที่เฉลี่ยประมาณเดือนละ 100,000 เล่ม โดยหักให้ Amazon แล้วเธอจะได้ 70% คำนวณคร่าวๆ Hcoking จะสามารถทำได้รายได้เข้ากระเป๋าถึงปีละ 1 ล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 32 ล้านบาท ความสำเร็จของ Hocking ได้เปลี่ยนแปลงโลกของธุรกิจสิ่งพิมพ์ ตลอดจนสำนักพิมพ์ และเป็นอีกขั้นของความสำเร็จของ Amazon ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกของหนังสือได้อีกขั้นหนึ่ง
เว็บไซต์ในข่าว: Amazon
แสดงบนเว็บไซด์ : http://www.it4x.com
ที่อยู่ของข้อความต้นฉบับ: http://arip.co.th/news.php?id=413268