ทั้งนี้ ทางแอปเปิ้ลได้เปิดเผยข้อมูลในเบื้องต้นว่า หลังจากที่ทางบริษัทได้พยายามดำเนินการในข้อตกลงกับบรรดาบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ (ที่ไม่ค่อยยอมง่ายๆ) เพื่อให้แอปเปิ้ลสามารถให้่ลูกค้าสามารถซื้อไฟล์เพลงที่อยู่ในดาต้าเซ็นเตอร์ (ให้บริการในรูปแบบ Cloud) มูลค่า 1 พันล้านเหรียญฯ ที่ทางบริษัทเพิ่งจะดำเนินการสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อเร็วๆ นี้ โดยมันตั้งอยู่ที่นอร์ธ แคโรไลน่า ซึ่งสมาชิกคาดหวังที่จะสามารถเข้าถึงไฟล์เพลงของพวกเขาจากอุปกรณ์ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Mac OS X หรือ iOS โดยสตรีม และส่งกลับมาเล่นได้ผ่านเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi หรือการเชื่อมต่อโครงข่ายผู้ให้บริการมือถือ สำหรับบริการที่ว่านี้ก็คือ iCloud นั่นเอง นอกจากจะสตรีมมิ่งเพลงจากบริการ เพื่อมาเล่นบนอุปกรณ์ของผู้ใช้ได้แล้ว มันยังสามารถให้บริการซิงค์ไฟล์ต่างๆ บนอุปกรณ์ที่สนับสนุนการใช้งานในระบบไร้สายได้อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันการซิงค์ไฟล์จะทำผ่านพอร์ต USB
เว็บไซต์วอลล์สตรีทเจอนัลเปิดเผยว่า Apple สามารถเจรจาจนได้ข้อตกลงกับทางค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อย่าง Warner Music Group, Sony Music Entertainment และ EMI พร้อมทั้งคาดหวังว่า จะสามารถเจรจากับ Universal Music Group ได้เป็นผลสำเร็จอีกรายภายในสัปดาห์นี้ เหตุผลสำคัญทีทำให้ Apple ต้องเปิดให้บริการ iCloud ก็เนื่องจากการเกิดของคู่แข่งในธุรกิจโฮสติ้งมีเดียไว้คอยให้บริการอย่าง Amazon และ Google ที่ได้เปิด และให้บริการเพลงในรูปแบบ Cloud มาก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไรก็ตาม การให้บริการดังกล่าวของทั้งสองบริษัทไม่ได้มีการเจรจาตกลงกับทางค่ายเพลง ในขณะที่ผู้บริโภคสามารถบันทึกเพลงที่สตรีมมิ่งมาจากบริการของทั้งสองได้ นันหมายความว่า ทั้ง Amazon และ Google มีโอกาสที่จะถูกบริษัทค่ายเพลงเหล่านี้ฟ้องร้องเอาได้เหมือนกัน
นอกจากประเด็นของการให้บริการ iCloud ที่ดูเหมือนจะได้รับความสนใจจากสาวก Apple ทั่วโลกแล้ว ในงานนี้ยังมีการเปิดตัว Mac OS X (Lion) และ iOS 5 อีกด้วย แต่ที่ยังไม่มีความแน่ชัด และหลายคนรอลุ้นอยู่ก็คือ Apple จะมีการเปิดเผยข้อมูลเกียวกับ iPhone รุ่นถัดไปให้ได้ทราบในงาน WWDC ครั้งนี้ หรือไม่?
เว็บไซต์ในข่าว: Apple
แสดงบนเว็บไซด์ : http://www.it4x.com
ที่อยู่ของข้อความต้นฉบับ: http://www.arip.co.th/news.php?id=413733