หลังจากนั้น ซัคเคอร์เบิร์กได้เปิดเว็บไซต์ Facemash อีกครั้งในชื่อ TheFacebook.com ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อให้ง่ายขึ้นกว่าเดิมเป็น Facebook.com โดยในปี 2005 ทางเว็บไซต์ได้อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถอัพโหลดภาพได้ ซึ่งผู้ใช้ก็ติดกับดักใช้คุณสมบัตินี้ทุกวัน จนปัจจุบันเว็บไซต์ Facebook มีภาพที่อัพโหลดเข้าไปแล้วมากกว่า 2 แสนล้านรูปเลยทีเดียว และในปี 2007 Facebook ได้ขายหุ้น 1.6% ให้กับ Microsoft
คุณสมบัติที่เกิดขึ้นต่อมาก็คือ Like ที่ถูกแนะนำในปี 2009 ซึ่งเป็นการสร้างกระแสความรู้สึกของผู้ใช้ด้วยการคลิกปุ่ม Like แสดงความชื่นชอบทีมีต่อสิ่งต่างๆ ที่โพสต์เข้าไป ข้อความ รูปภาพ คลิปวิดีโอ ฯลฯ โดยจากข้อมูลตั้งแต่เปิดให้ใช้ปุ่มนี้ได้จนถึงปัจจุบันมี Like ในระบบมากกว่า 1.13 ล้านล้าน Likes แล้ว สำหรับ 9 ปีที่ผ่านมา Facebook ได้สร้างเรื่องที่น่าทึ่งมากมายให้เกิดขึ้นกับตัวเว็บไซต์ และผู้ใช้ทั่วโลก การเพิ่มคุณสมบัติการทำงานใหม่ๆ ตลอดเวลาไปจนถึงฟังก์ชันที่ทำให้ผู้ใช้ได้สื่อสารกันอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งกุมภาพันธ์ ปี 2012 เครือข่ายสังคมออนไลน์แห่งนี้ก็ตัดสินใจเข้าสู่ตลาดหุ้น ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมาต้องถือว่า มันยังไม่สามารถทำให้นักลงทุนพอใจสักเท่าไร คงต้องติดตามกันต่อไปว่า ในปีที่สิบของ Facebook จะมีคุณสมบัติ หรือฟังก์ชันอะไรใหม่ๆ ที่จะทำให้ลูกค้าตื่นเต้น (ล่าสุดก็เพิ่งแนะนำฟีเจอร์ Graph Search ที่ผู้ใช้สามารถค้นหาสิ่งที่สนใจจากเพื่อนๆ ในเฟสบุ๊คได้) ตลอดจนโอกาสทางธุรกิจที่ทำให้รายได้ของมันทะยานขึ้นจนสร้างความพอใจให้กับนักลงทุน หลังจากปล่อยข่าวดีเกียวกับโฆษณาบนอุปกรณ์โมบายมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมาก ปีนี้จึงเป็นอีกปีที่ชี้วัดความสำเร็จของ Facebook ว่าจะสามารถเติบโต และสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจได้มากน้อยแค่ไหน ในขณะที่ Google+ ของ Google ขึ้นมาจ่อคิวอยู่ห่างๆ และยังคงพยายามเจาะยางอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเฉลี่ยผู้ใช้จะใช้เวลากับเฟสบุ๊คประมาณ 700 นาที หรือประมาณ 12 ชั่วโมงต่อเดือน และมีเพื่อนเฉลี่ย 130 คน โดยโพสต์คอนเท็นต์เข้าไปในเว็บไซต์ 90 ชิ้นต่อเดือน
แสดงบนเว็บไซด์ : http://www.it4x.com
ที่อยู่ของข้อความต้นฉบับ: http://www.arip.co.th/news.php?id=416254