ในขณะที่"เครื่องอ่านอีบุ๊ก" (eReader) ของหลายๆ เจ้า ตลอดจนแท็บเล็ต ต่างก็มีคุณสมบัติการทำงานที่เหนือกว่า คินเดิ้ล (Kindle) ของแอมะซอน (Amazon) ทั้งสิ้น ยิ่งหากเทียบกับไอแพด (iPad) ของแอปเปิล (Apple) ก็คนละเรื่องเลย ล่าสุดแอมะซอนตัดสินใจซื้อ ทัชโค (TouchCo) บริษัทเจ้าของเทคโนโลยีหน้าจอสัมผัสแล้ว
ทั้งสองบริษัทได้บรรลุตกลงระหว่างกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากทั้งแอมะซอน หรือทัชโค ซึ่งผลจากการเข้าซื้อบริษัทนี้จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของแอมะซอนอย่างคินเดิ้ลไม่ ได้ด้อยไปกว่าอีรีดเดอร์ของเจ้าอื่นๆ อีกต่อไป เนื่องจากเทคโนโลยีของทัชโคจะทำให้คินเดิ้ลรุ่นใหม่มีคุณสมบัติการทำงานแบบ มัลติทัช (ด้วยต้นทุนที่ต่ำมาก) ได้ในที่สุด
อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีของทัชโคไม่ใช่ capacitive touch-screen แบบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในไอโฟน (iPhone) หรือไอแพด แต่จะใช้วิธีที่เรียกว่า Interpolating Force-Sensitive Resistance (I.F.S.R.) ซึ่งแทนที่จะต้องการการสัมผัสจากผิวหนังแบบไอโฟน เทคโนโลยีของทัชโคจะใช้ตัวต้านทานไฟฟ้า (resistors) ในการตรวจจับระดับแรงกดที่แตกต่างกัน (เพื่อระบุตำแหน่งที่ถูกกด และระดับการโต้ตอบตามแรงกดหนัก หรือกดเบา) ประเด็นสำคัญก็คือ เทคโนโลยีของทัชโคมีราคาที่ถูกกว่า capacitive touch-screen มาก โดยต้นทุนจะอยู่ที่ไม่ถึง 10 เหรียญฯ (ประมาณ 340 บาท) ต่อตารางฟุต
ข้อมูลเพิ่มเติมเกียวกับเทคโนโลยี I.F.S.R. ที่ได้มีรายงานไปก่อนหน้านี้ก็คือ การตรวจจับแรงกดด้วยตัวต้านทานจะตอบสนองแรงกดที่ระดับต่างๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถสแกน และตรวจจับตำแหน่งอินพุทที่แตกต่างกันได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย นอกจากนี้ มันยังเป็นเทคโนโลยีทีใช้พลังงานต่ำกว่า และสามารถตอบสนองอินพุทของการสัมผัสได้พร้อมกันอย่างไม่จำกัดอีกด้วย (จะจิ้มกี่นิ้วพร้อมกันก็ตรวจจับได้อย่างรวดเร็ว) แทบจะเรียกได้ว่า อุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีนี้จะมีระบบสัมผัสที่ยืดหยุ่นอย่างสมบูรณ์
แอมะซอนคงจะไม่ใช้เทคโนโลยี I.F.S.R. กับหน้าจอแสดงผลคินเดิ้ลที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นจออีเปเปอร์ทีใช้ เทคโนโลยีอีอิงค์ (E Ink) ที่มีคุณภาพในการแสดงผลใกล้เคียงกับที่มองเห็นจากกระดาษ และเป็นจุดขายหนึ่งเดียว อีกทั้งยังมีข้อจำกัดในเรื่องของการแสดงผลได้แค่ดำ ขาว และเทา แต่ข้อดีก็คือ มันเป็นอุปกรณ์ที่มีจอแสดงผลไม่กี่ชนิดที่ไม่บังคับให้คุณต้องจ้องดูพื้นสี ดำที่มีแสงสว่างอยู่ด้านหลัง (Bright back-lit screen) งานนี้คงต้องรอดูกันต่อไปว่า แอมะซอนจะมีไม้เด็ดอะไร? Kindle Touch (ไม่ใช่ชื่ออย่างเป็นทางการ) จะสามารถโต้ตอบกระแสที่ร้อนแรงของไอแพดได้ หรือไม่?
ข้อมูลจาก: http://www.arip.co.th/news.php?id=410833
ทั้งสองบริษัทได้บรรลุตกลงระหว่างกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากทั้งแอมะซอน หรือทัชโค ซึ่งผลจากการเข้าซื้อบริษัทนี้จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของแอมะซอนอย่างคินเดิ้ลไม่ ได้ด้อยไปกว่าอีรีดเดอร์ของเจ้าอื่นๆ อีกต่อไป เนื่องจากเทคโนโลยีของทัชโคจะทำให้คินเดิ้ลรุ่นใหม่มีคุณสมบัติการทำงานแบบ มัลติทัช (ด้วยต้นทุนที่ต่ำมาก) ได้ในที่สุด
อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีของทัชโคไม่ใช่ capacitive touch-screen แบบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในไอโฟน (iPhone) หรือไอแพด แต่จะใช้วิธีที่เรียกว่า Interpolating Force-Sensitive Resistance (I.F.S.R.) ซึ่งแทนที่จะต้องการการสัมผัสจากผิวหนังแบบไอโฟน เทคโนโลยีของทัชโคจะใช้ตัวต้านทานไฟฟ้า (resistors) ในการตรวจจับระดับแรงกดที่แตกต่างกัน (เพื่อระบุตำแหน่งที่ถูกกด และระดับการโต้ตอบตามแรงกดหนัก หรือกดเบา) ประเด็นสำคัญก็คือ เทคโนโลยีของทัชโคมีราคาที่ถูกกว่า capacitive touch-screen มาก โดยต้นทุนจะอยู่ที่ไม่ถึง 10 เหรียญฯ (ประมาณ 340 บาท) ต่อตารางฟุต
ข้อมูลเพิ่มเติมเกียวกับเทคโนโลยี I.F.S.R. ที่ได้มีรายงานไปก่อนหน้านี้ก็คือ การตรวจจับแรงกดด้วยตัวต้านทานจะตอบสนองแรงกดที่ระดับต่างๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถสแกน และตรวจจับตำแหน่งอินพุทที่แตกต่างกันได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย นอกจากนี้ มันยังเป็นเทคโนโลยีทีใช้พลังงานต่ำกว่า และสามารถตอบสนองอินพุทของการสัมผัสได้พร้อมกันอย่างไม่จำกัดอีกด้วย (จะจิ้มกี่นิ้วพร้อมกันก็ตรวจจับได้อย่างรวดเร็ว) แทบจะเรียกได้ว่า อุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีนี้จะมีระบบสัมผัสที่ยืดหยุ่นอย่างสมบูรณ์
แอมะซอนคงจะไม่ใช้เทคโนโลยี I.F.S.R. กับหน้าจอแสดงผลคินเดิ้ลที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นจออีเปเปอร์ทีใช้ เทคโนโลยีอีอิงค์ (E Ink) ที่มีคุณภาพในการแสดงผลใกล้เคียงกับที่มองเห็นจากกระดาษ และเป็นจุดขายหนึ่งเดียว อีกทั้งยังมีข้อจำกัดในเรื่องของการแสดงผลได้แค่ดำ ขาว และเทา แต่ข้อดีก็คือ มันเป็นอุปกรณ์ที่มีจอแสดงผลไม่กี่ชนิดที่ไม่บังคับให้คุณต้องจ้องดูพื้นสี ดำที่มีแสงสว่างอยู่ด้านหลัง (Bright back-lit screen) งานนี้คงต้องรอดูกันต่อไปว่า แอมะซอนจะมีไม้เด็ดอะไร? Kindle Touch (ไม่ใช่ชื่ออย่างเป็นทางการ) จะสามารถโต้ตอบกระแสที่ร้อนแรงของไอแพดได้ หรือไม่?
ข้อมูลจาก: http://www.arip.co.th/news.php?id=410833