ปัจจุบัน Intel ครองส่วนแบ่งตลาดโพรเซสเซอร์บนพีซีมากกว่า 80% ก้าวต่อไปก็คือ การขยายไปสู่ตลาดโมบาย โดยล่าสุด Paul Otellini กล่าวว่า เทคโนโลยีของ Intel ได้เข้าไปอยู่ในสมาร์ทโฟนของ 2 แบรนด์ชั้นนำระดับโลกแล้ว นอกจากนี้ ทางบริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาโพรเซสเซอร์ไปสู่อีกระดับหนึ่งด้วยการเชื่อมการทำงานเข้ากับระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการเข้าซื้อบริษัท McAfee เมื่อเดือนก่อน รวมถึงการผนึกเทคโนโลยีไร้สายจากบริษัท Infineon Tecnologies ที่เพิ่งซื้อมาเช่นเดียวกัน นั่นหมายความว่า Intel กำลังเดินหน้าเข้าสู่เซ็คเตอร์ของเทคโนโลยีไร้สายทั้งพีซี และโมบาย
นอกจากประเด็นทิศทางของบริษัทที่ได้มีการเปิดเผยในงาน IDF 2010 แล้ว ทาง Intel ยังได้เปิดตัวสถาปัตยกรรมโพรเซสเซอร์ใหม่ที่เรียกว่า "Sandy Bridge" ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่ที่น่าจะเรียกว่า "Super Turbo Boost" ซึ่งจะสามารถเร่งความเร็วของการทำงานจนทะลุเพดานขีดจำกัดได้ เนื่องจากคุณสมบัติ Turbo Boost ในโพรเซสเซอร์รุ่นก่อนหน้านี้จะหยุดการทำงานเมื่อถึงอุณหภูมิทีจำกัด ในขณะที่ Sandy Bridge จะสามารถทำงานได้เกินกว่านั้นแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ (ประมาณ 10 - 20 วินาที) ก็ตาม
ในงานดังกล่าว Intel ยังได้สาธิตการทำงานของชิป Sandy Bridge พร้อมทั้งแนะนำคุณสมบัติหลักของมันอีกด้วย โดยชิปรุ่นใหม่จะมี 4 แกนการทำงานหลักที่สามารถทำงานได้พร้อมกัน 8 โพรเซสพร้อมกัน นอกจากนี่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่สถาปัตยกรรมใหม่จะใช้กับชิป 2 แกน 4 เธรดด้วย อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจมากกว่าความเร็ว หรือจำนวนแกนการทำงานหลักก็คือ ring architecture สถาปัตยกรรมที่ใช้ใน Sandy Bridge โดยจะเป็นการแชร์หน่วยความจำแคชระหว่าง CPU กับคอร์กราฟิก ซึ่งผลลัพธ์ทีได้จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของกราฟิกเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับ Lynnfield นอกจากนี้ยังได้เพิ่มส่วนของวงจรตรรกภายนอกคอร์ของกราฟิกที่ทำหน้าที่แปลงโค้ดของสื่อ และส่วนที่ทำหน้าที่ถอดรหัดสตรีม Blu-ray นั่นหมายความว่า โพรเซสเซอร์ทีใช้สถาปัตยกรรม Sandy Bridge จะทำให้คอเกมส์แฮปปี้กับชิปของ Intel มากขึ้นกว่าในอดีต อ้อ..และที่ลืมไม่ได้ก็คือ สถาปัตยกรรมใหม่จะใช้พลังงานน้อยลงอีกด้วย งานนี้คงต้องดูว่า Sandy Bridge ที่จะวางตลาดในต้นปีหน้าจะสามารถได้ใจผุ้ใช้พีซีที่ต้องการความแรงของการประมวลผลแบบสุดๆ ตลอดจนคอเกมส์ได้ หรือไม่?
ข้อมูลจาก: pcmag