Facebook เว็บไซต์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาบนโลกได้เพียง 6 ปี แต่สามารถมีจำนวนผู้ใช้ทั่วโลกมากกว่า 500 ล้าน มันทำให้ผู้ใช้ได้มีโอกาสพบปะญาติพี่น้อง และเพื่อนเก่าสมัยเรี่ยนได้ในเว็บไซต์เครือข่ายสังคมแห่งนี้ ความฮอตของ Facebook ยังทำให้แนวโน้มการเติบโตของผู้ใช้ออนไลน์สูงขึ้น แถมยังสร้าประสบการ์ณเชื่อมต่อของสังคมแบบใหม่บนโลกออนไลน์อีกด้วย นอกจากการสร้างความสัมพันธ์ในรูปแบบดังกล่าวแล้ว เครือข่ายสังคมออนไลน์ยังจะส่งผลให้พฤติกรรมการบริโภคจากคอนเท็นต์ไปสู่งอีคอมเมิร์ซด้วยการแชร์ความคิดเห็น และเครื่องมือในการเชื่อมโยงกับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซดังๆ อย่าง Amazon, Etsy และ Ebay อีกด้วย ยิ่งทำให้เครือข่ายสังคมออนไลน์มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น (ไม่ใช่แค่กระแสอย่างที่นักวิเคราะห์หลายคนพูดถึงก่อนหน้านี้)
และเมื่ออินเทอร์เน็ตกลายเป็นเครือข่ายสังคมมากขึ้น Facebook มองเห็นโอกาสในการใช้แทรฟฟิกในการสร้างมูลค่าในทางธุรกิจด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มโฆษณา โดยการเพิ่มคุณสมบัติ Fanpage และเตรียมก้าวไปสู่การเติบโตในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งนักวิเคราะห์เรียกปรากฎการณ์นี้ว่า F-Commerce และด้วยโมเดลธุรกิจที่เกิดขึ้นส่งผลให้ Facebook สามารถสร้างรายได้ในปี 2009 ได้สูงถึง 800 ล้านเหรียญฯ ส่วนตัวเลขผลประกอบการในปี 2010 ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาแต่อย่างใด แต่ก็มีการคาดการณ์กันว่า มันจะสูงกว่าปีก่อนอย่างก้าวกระโดด แต่หากเปรียบเทียบกับผลประกอบของการของ Google แล้วยังห่างชั้นกันมากทีเดียว เนื่องจาก Google ทำรายได้สูงถึง 24 พันล้านเหรียญฯ (ไตรมาสละ 6 พันล้านเหรียญฯ)
ในโลกโฆษณาวันนี้ แบรนด์ชั้นนำกำลังพยายามใช้ Facebook ในการสร้างชุมชนของผู้บริโภคที่พูดถึงเกี่ยวกับแบรนด์ของตน ซึ่งปัจจุบัน Facebook สามารถเก็บค่าบริการจากเหล่าแบรนด์ดังทีต้องการทำแคมเปญจ์ใน Fanpage ได้สูงถึง 20,000 เหรียญฯ (ประมาณ 600,000 บาท) ซึ่งตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ใช้ และแบรนด์ต่างๆ ที่จะกระโดดลงมาเล่นในตลาดนี้ "นับเป็นก้าวย่างที่สำคัญมากในประวัติศาสตร์ของอินเทอร์เน็ต" Lou Kerner นักวิเคราะห์โซเชียลมีเดีย "เรากำลังย้ายจากเว็บที่มี Google เป็นศูนย์กลางไปสู่เว็บที่มีผู้ใช้ (People-centric web) เป็นศูนย์กลาง" ข้อมูลจาก SharesPost ระบุว่า Facebook มีมูลค่า และการเติบโต สูงถึง 45 พันล้านเหรียญฯ แม้จะเล็กกว่า Google ถึง 4 เท่า แม้ Facebook จะขึ้นแท่นเว็บไซต์ยอดนิยมในโลกอินเทอร์เน็ตแทนที่ Google ได้แล้วก็ตาม แต่สิ่งที่ต้องติดตามกันต่อไปคือ มันจะประสบความสำเร็จในธุรกิจได้ หรือไม่? และนั่นคือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของ Facebook ในปี 2011
ข้อมูลจาก: dailytech
แสดงบนเว็บไซด์ : http://www.it4x.com
ที่อยู่ของข้อความต้นฉบับ: http://arip.co.th/news.php?id=412908