การแข่งขันของเหล่าบรรดาเสิร์ชเอ็นจิ้น (Search Engine) ไม่ว่าจะเป็น Google, Yahoo และ Microsoft Bing ที่จะพยายามอัพเดตนาทีต่อนาทีสำหรับผลลัพธ์การค้นหาข้อมูลจากโซเชียลเน็ต เวิร์ก (Social Network) ยอดฮิต อาจจะกระตุ้นให้เหล่าบรรดาสแปมเมอร์ (Spammer) และอาชญากรรมคอมพิวเตอร์สบช่องทางโอกาสในการแพร่กระจาย และติดตามเหยื่อได้เร็วยิ่งขึ้น
รายงานข่าวล่าสุด ความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญทางด้านเสิร์ช และเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยต่างให้ความสนใจกับการประกาศของกูเกิ้ลที่ ระบุว่า เสิร์ชของตนได้เพิ่มเติมคุณสมบัติการทำงานเพื่อให้เทียบเท่าทันการณ์กับ เสิร์ชคู่แข่งอย่างบิง และยาฮู ด้วยการแสดงผลลัพธ์จากข้อมูลในเว็บโซเชียลอย่างทวิตเตอร์ (twitter) แล้ว นอกจากนี้ เสิร์ชยักษ์ใหญ่ยังได้เตรียมการความสามารถในการค้นข้อความที่โพสต์ในเฟซบุ๊ก (Facebook) แบบเรียลไทม์ให้ไปปรากฎในหน้าผลลัพธ์การค้น (search result) อีกต่างหาก
ในขณะเดียวกัน เหล่าสแปมเมอร์ และแฮคเกอร์ (Hacker) นับวันก็ยิ่งแผ่ขยายในวงกว้างออกไป โดยสถิติปัจจุบันสแปมได้เข้ามารุกรานเมล์บ๊อกซ์มากถึง 88% อีกทั้งจำนวนเว็บไซต์อันตรายที่ตรวจจับและบล็อคโดยแผนก MessageLabs ของไซแมนเทค (Symantec) ก็พบว่า มีอัตราการเติบโตเร็วขึ้นอีกด้วย โดยเฉลี่ย 2,465 ไซต์ต่อวัน ซึ่งโตจากปี 2008 ถึง 8% (2,290 ไซต์ต่อวัน) ทั้งนี้ช่วงทีผ่านมามีการพบลิงค์อันตราย และสแปมในโซเชียลไซต์มากขึ้น ดังนันการอัพเดตแบบเรียลไทม์ของเสิร์ชอาจจะทำให้พวกมันไปปรากฎบนหน้าแสดง ผลลัพธ์ได้เร็วขึ้นนั่นเอง "การอัพเดตผลลัพธ์เสิร์ชจากโซเชียลไซต์จึงเท่ากับเป็นการช่วยขยายผลกระทบอัน เลวร้ายทีมาจากเหล่าสแปมเมอร์ และแฮคเกอร์ให้ขึ้นไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของการค้น" Michael Greene นักวิเคราะห์กล่าว
ทางด้านกูเกิ้ลกล่าวว่า เสิร์ชของตนจะใช้กระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติ และแมนวลในการกำจัดลิงค์อันตราย และเตือนผู้ใช้เมื่อพบเว็บไซต์เหล่านั้น ซึ่งตัวแทนของไมโครซอฟท์ และยาฮูก็กล่าวในลักษณะเดียวกัน โดยเป้าหมายของการให้บริการลักษณะนี้ เสิร์ชทั้งสามแห่งได้ให้ความสำคัญกับการส่งมอบหน้าผลลัพธ์ที่ปลอดภัยกับผู้ ใช้อยู่แล้ว "เราจะยังคงพัฒนา และปรับปรุงระบบเหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้น" Tyler ตัวแทนจากกูเกิ้ลกล่าว อย่างไรก็ตาม Danny Sullivan บรรณาธิการจาก SearchEngineLand.com กล่าวว่า ใครก็สามารถโพสต์ข้อความที่เป็นประเด็นร้อนใน Twitter เพื่อให้ไปปรากฎในหน้าผลลัพธ์กูเกิ้ลภายในไม่ถึงหนึ่งนาที ซึ่งมันง่ายมากที่จะแนบลิงค์ของสแปม หรือเว็บไซต์อันตรายไปกับข้อความเหล่านี้ ดังนั้นมันไม่ง่ายเลยที่จะคัดกรองลิงค์อันตรายเหล่านี้ได้ทัน นอกจากนี้ เหล่าสแปมเมอร์ และแฮคเกอร์ยังสามารถใช้บริการเสิร์ชดังกล่าว เพื่อผลักดันให้ลิงค์ของเว็บไซต์อันตรายขึ้นติดอันดับการค้นต้นๆ ของหน้าผลลัพธ์ได้อีกด้วย
ข้อมูลจาก: http://www.arip.co.th/news.php?id=410485
รายงานข่าวล่าสุด ความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญทางด้านเสิร์ช และเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยต่างให้ความสนใจกับการประกาศของกูเกิ้ลที่ ระบุว่า เสิร์ชของตนได้เพิ่มเติมคุณสมบัติการทำงานเพื่อให้เทียบเท่าทันการณ์กับ เสิร์ชคู่แข่งอย่างบิง และยาฮู ด้วยการแสดงผลลัพธ์จากข้อมูลในเว็บโซเชียลอย่างทวิตเตอร์ (twitter) แล้ว นอกจากนี้ เสิร์ชยักษ์ใหญ่ยังได้เตรียมการความสามารถในการค้นข้อความที่โพสต์ในเฟซบุ๊ก (Facebook) แบบเรียลไทม์ให้ไปปรากฎในหน้าผลลัพธ์การค้น (search result) อีกต่างหาก
ในขณะเดียวกัน เหล่าสแปมเมอร์ และแฮคเกอร์ (Hacker) นับวันก็ยิ่งแผ่ขยายในวงกว้างออกไป โดยสถิติปัจจุบันสแปมได้เข้ามารุกรานเมล์บ๊อกซ์มากถึง 88% อีกทั้งจำนวนเว็บไซต์อันตรายที่ตรวจจับและบล็อคโดยแผนก MessageLabs ของไซแมนเทค (Symantec) ก็พบว่า มีอัตราการเติบโตเร็วขึ้นอีกด้วย โดยเฉลี่ย 2,465 ไซต์ต่อวัน ซึ่งโตจากปี 2008 ถึง 8% (2,290 ไซต์ต่อวัน) ทั้งนี้ช่วงทีผ่านมามีการพบลิงค์อันตราย และสแปมในโซเชียลไซต์มากขึ้น ดังนันการอัพเดตแบบเรียลไทม์ของเสิร์ชอาจจะทำให้พวกมันไปปรากฎบนหน้าแสดง ผลลัพธ์ได้เร็วขึ้นนั่นเอง "การอัพเดตผลลัพธ์เสิร์ชจากโซเชียลไซต์จึงเท่ากับเป็นการช่วยขยายผลกระทบอัน เลวร้ายทีมาจากเหล่าสแปมเมอร์ และแฮคเกอร์ให้ขึ้นไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของการค้น" Michael Greene นักวิเคราะห์กล่าว
ทางด้านกูเกิ้ลกล่าวว่า เสิร์ชของตนจะใช้กระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติ และแมนวลในการกำจัดลิงค์อันตราย และเตือนผู้ใช้เมื่อพบเว็บไซต์เหล่านั้น ซึ่งตัวแทนของไมโครซอฟท์ และยาฮูก็กล่าวในลักษณะเดียวกัน โดยเป้าหมายของการให้บริการลักษณะนี้ เสิร์ชทั้งสามแห่งได้ให้ความสำคัญกับการส่งมอบหน้าผลลัพธ์ที่ปลอดภัยกับผู้ ใช้อยู่แล้ว "เราจะยังคงพัฒนา และปรับปรุงระบบเหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้น" Tyler ตัวแทนจากกูเกิ้ลกล่าว อย่างไรก็ตาม Danny Sullivan บรรณาธิการจาก SearchEngineLand.com กล่าวว่า ใครก็สามารถโพสต์ข้อความที่เป็นประเด็นร้อนใน Twitter เพื่อให้ไปปรากฎในหน้าผลลัพธ์กูเกิ้ลภายในไม่ถึงหนึ่งนาที ซึ่งมันง่ายมากที่จะแนบลิงค์ของสแปม หรือเว็บไซต์อันตรายไปกับข้อความเหล่านี้ ดังนั้นมันไม่ง่ายเลยที่จะคัดกรองลิงค์อันตรายเหล่านี้ได้ทัน นอกจากนี้ เหล่าสแปมเมอร์ และแฮคเกอร์ยังสามารถใช้บริการเสิร์ชดังกล่าว เพื่อผลักดันให้ลิงค์ของเว็บไซต์อันตรายขึ้นติดอันดับการค้นต้นๆ ของหน้าผลลัพธ์ได้อีกด้วย
ข้อมูลจาก: http://www.arip.co.th/news.php?id=410485
บันทึกการเข้า
