ความจริง กล้องที่มากับ iPhone 4 ไม่ได้มีความแตกต่างแค่เพียงจำนวนพิกเซลที่มากขึ้่นจาก 3 เป็น 5 ล้านเท่านั้น แต่มันยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์รับภาพที่ใหญ่ขึ้นด้วย นั่นหมายความว่า มันสามารถรับแสงได้มากกว่าด้วยขนาดพิกเซลที่เท่ากัน ดังนั้นคุณภาพของภาพที่ได้จะคมชัดสว่างสดใส และสมจริงกว่าเดิม แถมยังสามารถซูมได้ 5 เท่า พร้อมด้วยฟีเจอร์แท็บเพื่อโฟกัสเหมือนเดิม สำหรับหน้าจอของ iPhone 4 จะมีขนาด 3.5 นิ้ว (960 x 640 พิกเซล) หน่วยความจำสูงสุด 32GB และไมค์ 2 ตัวพร้อมระบบตัดสัญญาณรบกวน
นอกจากดีไซน์ใหม่ และคุณภาพของการถ่ายภาพที่ดีขึ้นแล้ว มันยังสามารถบันทึกวิดีโอไฮเดฟฯที่ 720p ด้วยอัตราเฟรม 30 fps อีกทั้งยังสามารถตัดต่อวิดีโอ และภาพถ่ายได้โดยตรงบน iPhone 4 อีกด้วย สตีฟ จอบส์ยังพูดถึงพลังประมวลผลภายในของ iPhone 4 ด้วย ซึ่งใช้ชิป A4 คล้ายกับในไอแพด นั่นหมายความว่า ไอโฟนจะมีระบบการจัดการพลังงานที่ดีกว่าสำหรับผู้ใช้ทีต้องการทำอะไรได้มากขึ้น โดยแบตเตอรี่ไม่หมดเร็วเสียก่อน และด้วยดีไซน์ตัวเครื่องแบบใหม่ ทำให้พื้นที่ภายในสามารถใส่แบตเตอรีทีใหญ่ขึ้นกว่าเดิมได้ ยิ่งทำให้ใช้ iPhone 4 ได้นานกว่าไอโฟนรุ่นก่อนๆ อีกหลายชั่วโมง เช่น สามารถใช้ iPhone 4 ท่องเว็บผ่าน Wi-Fi ได้นาน 10 ชั่วโมง ฟังเพลงต่อเนื่องได้ 40 ชั่วโมง และสแตนด์บายได้ 300 ชั่วโมง ทำงานด้วยระบบปฎิบัติการ iOS 4 สนับสนุนการทำงานแบบมัลติทาสกิ้ง สนนราคา iPhone 4 16GB อยู่ที่ 199 เหรียญฯ (ประมาณ 7,000 บาท) และ 32GB อยู่ที่ 299 เหรียญฯ (ประมาณ 11,000 บาท) เริ่มวางตลาด 24 มิ.ย. ศกนี้
ข้อมูลจาก: gizmodo
แสดงบนเว็บไซด์ : http://www.it4x.com
ที่อยู่ของข้อความต้นฉบับ: http://www.arip.co.th/news.php?id=411427