Google เดินสายเจรจากับนักพัฒนาระดับแนวหน้า เพื่อยื่นข้อเสนอให้นำเกมส์มาออนไลน์บนบริการใหม่ของทางบริษัท โดยบริษัทพัฒนาเกมส์ชั้นนำอย่างเช่น Playdom, Electronic Arts (EA) และ Zynga Game Network ได้ถูกกูเกิ้ลเข้าไปเป็นหุ้นส่วนกันหมดแล้ว แหล่งข่าวกล่าว อย่างไรก็ตาม มันยังไม่มีกำหนดการที่แน่ชัดว่า Google จะเปิดบริการเกมส์ออนไลน์เมื่อใด เพราะดูเหมือนแผนการโดยรวมจะยังไม่ตกผลึก ประเด็นคือ เกมส์เหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นบริการโซเชียลเน็ตเวิร์กที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา
ทั้งนี้จากการให้สัมภาษณ์เมื่อต้นสัปดาห์ของ Eric Schmidt ซีอีโอของ Google เขาได้ปฏิเสธที่จะยืนยันแผนการพัฒนาบริการโซเชียลเน็ตเวิร์กที่จะมีโซเชียลเกมส์ให้บริการด้วย อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้ว่า บริการโซเชียลจะใช้ชื่อ "Google Me" ซึ่งเมื่อถูกถามว่า บริการของ Google จะคล้ายกับ Facebook หรือไม่? Schmidt ตอบว่า "โลกใบนี้ไม่ได้ต้องการก็อปปี้สิ่งที่เหมือนกัน"
การที่ Google พยายามผลักดัน Social games ก็เพื่อดึงผู้ใช้ให้อยู่กับบริการนานขึ้น ซึ่งผลลัพธ์จะทำให้สามารถสร้างรายได้จากโฆษณาได้เพิ่มขึ้นด้วยรูปแบบของโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ปัจจุบันตลาดดังกล่าวถูกครอบครองโดย Facebook และ Twitter นั่นเอง นอกจากความร่วมมือที่เกิดขึ้นกับ Zynga บริษัทผู้พัฒนาเกมส์ Farmville (มีผู้เล่นกว่า 60 ล้านราย) แล้ว เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาทาง Google ยังได้เจรจากับบริษัท Walt Disney เพื่อเข้าซื้อ Playdom ด้วยเม็ดเงินสูงถึง 563.2 ล้านเหรียญฯ และจะเพิ่มให้อีก 200 ล้านเหรียญฯ หากแผนการณ์ที่วางไว้บรรลุตามเป้าหมาย
ประเด็นที่น่าสนใจคือ เกมส์โซเชียลจะมีความซับซ้อนน้อยกว่าเกมส์ที่เล่นบนคอนโซลอย่าง Xbox 360 ของไมโครซอฟท์ หรือ PS3 ของ Sony ซึ่งเกมส์โซเชียลจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้คนได้ใช้เกมส์ในการโต้ตอบกับเพื่อนๆ ในเครือข่าย นักพัฒนาทำเงินผ่านโฆษณา และขายสินค้าเสมือน (virtual goods) ที่ใช้ในเกมส์ที่พวกเขาเล่น ตัวอย่างเช่น ช่วยพวกเขาจัดการฟาร์มเสมือน เป็นต้น โดยนักพัฒนาเกมส์จะจ่ายให้ Facebook 30% ของรายได้จากการซื้อสินค้าเสมือนในเกมส์ ซึ่ง Google มีระบบชำระค่าบริการออนไลน์ที่ชื่อว่า Google Checkout อยู่แล้ว ซึ่งในทางทฤษฎีมันสามารถใช้ในการรวบรวมรายได้จาก Social Games บนแพลตฟอร์มใหม่ของ Google ได้ทันที
ข้อมูลที่น่าสนใจก็คือ ในปี 2009 ที่ผ่านมา ประเทศต่างๆ อย่างเช่น จีนและญี่ปุ่น โซเชียลเกมส์สามารถสร้างรายได้นับพันล้านเหรียญฯ ส่วนในสหรัฐ ตลาดโซเชียลเกมส์จะสร้างรายได้อยู่ที่ 700 ล้านเหรียญฯ ตัวเลขดังกล่าวประเมินโดยบริษัทวิจัยชื่อ THinkEquity LLC ซึ่งยังคาดการณ์อีกด้วยว่า ตัวเลขดังกล่าวจะเติบโตเป็น 3 เท่าภายในปี 2012
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Google ได้เปิดตัวโซเชียลเน็ตเวิร์กชื่อว่า Google Buzz โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ในเครือข่ายสามารถอัพเดต ภาพถ่าย และลิงค์ของเว็บต่างๆ ภายใน Gmail แต่บริการดังกล่าวโดยโจมตีในประเด็นความเป็นส่วนตัว อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทมองว่า การให้บริการ Social Network จะต้องทำมากกว่าที่เป็นอยู่ นอกจากนี้ Google ยังเป็นเจ้าของ Orkut บริการโซเชียลเน็ตเวิร์กยอดนิยมในบางประเทศอีกด้วย
การเติบโตของ Facebook ถือเป็นภัยคุกคามในอนาคตของ Google และกำลังเป็นประเด็นร้อนที่มีการพูดคุยกันอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้บริหารสายเทคโนโลยี และนักลงทุน เนื่องจากผู้ใช้ส่วนใหญ่ตอนนี้จะให้ความสำคัญกับเพื่อนใน Facebook มากกว่าการใช้ Google สืบค้นเนื้อหา หรือสินค้าที่ต้องการซื้อบนอินเทอร์เน็ต ยิ่งไปกว่านั้น คอนเท็นต์ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะถูกสร้างโดยผู้ใช้ใน Facebook ทำให้โอกาสใช้เสิร์ชเอ็นจิ้นของ Google ลดน้อยถอยลงไปอีก
แต่ในมุมมองของ Schmidt กลับมองเห็นว่า Facebook ส่งผลดีต่อ Google เนื่องจากมันได้นำพาผู้ใช้เข้าสู่อินเทอร์เน็ตมากขึ้น และผู้ใช้ Facebook เป็นกลุ่มที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Google มากกว่าผู้ใช้กลุ่มอื่น อย่างไรก็ตาม Google เองได้เคยอนุญาตให้นักพัฒนาสามารถสร้างโซเชียลเกมส์ง่ายๆ ในบริการที่ชื่อว่า iGoogle (บริการที่เปิดให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งโฮมเพจ google.com ได้) แต่เกมส์ดังกล่าวไม่ได้รับการโมทอย่างกว้างขวาง และมีไม่กี่เกมส์ที่มีผู้เล่นมากมาย
นอกจาก Zynga และ Walt Disney แล้ว Google ยังพุ่งเป้าในการซื้อทีมพัฒนาเกมส์ด้วย อย่างเช่น เมื่อพฤศจิกายนปีที่แล้ว ทางบริษัทได้ใช้เงิน 400 ล้านเหรียญฯ ซื้อทีมพัฒนา Playfish จาก EA และเมื่อต้นเดือนก็ซื้อ Tapulous Inc บริษัทผู้ให้บริการเกมส์โซเชียลทีเกี่ยวกับเพลงบนอุปกรณ์ต่างๆ อย่าง iPhone เป็นต้น จากภาพต่อจิ๊กซอว์ทั้งหมดนี้ ค่อนข้างชัดเจนว่า Google กำลังจะเข้าสู่ตลาด Social Network โดยใช้ social games เป็นหัวหอกสำคัญ
ข้อมูลจาก: platformnation
แสดงบนเว็บไซด์ : http://www.it4x.com
ที่อยู่ของข้อความต้นฉบับ: http://www.arip.co.th/news.php?id=411821
บันทึกการเข้า
