นอกจากนี้ สองยักษ์ใหญ่ยังเดินหน้าเจรจากับพันธมิตรอย่าง T-Mobile USA และบริษัท Discover Financial Services และ UK Bank Barclays เพื่อเปิดบริการที่ผู้บริโภคสามารถชำระค่าสินค้า และบริการด้วยระบบรูดบัตรแบบไร้สายด้วยเทคโนโลยี RFID หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ที่คล้ายกัน ความจริงบริการลักษณะนี้อยู่ในหลายประเทศทั่วโลกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ประเทศต่างๆ ในแถบสแกนดิเนเวีย สหราชอณาจักร และแคนาดา แต่การที่ตลาดใหญ่อย่างสหรัฐสนใจที่จะใช้บริการลักษณะนี้ มันก็จะช่วยให้เทคโนโลยีดังกล่าวมีการใช้แพร่หลายมากขึ้น
ความลับของการทำงานก็คือ มือถือที่ใช้บริการนี้ได้จะต้องได้รับการติดตั้งชิปสื่อสารระยะใกล้ ซึ่งมีราคา 10 เหรียญฯ (ประมาณ 340 บาท) สามารถส่งสัญญาณไร้สายไปยังเครื่องอ่านของค้าปลีกที่มีราคาตกเครื่องละ 200 เหรียญฯ (ประมาณ 7,800 บาท) ปัจจุบันมือถือในสหรัฐยังไม่ได้รับการติดตั้งชิปพวกนี้ ทั้งนี้ทางกลุ่มมีแผนที่จะทดสอบระบบกับ 4 เมืองใหญ่ในสหรัฐปีหน้า โดยผู้ซื้อสินค้าแค่นำสมาร์ทโฟนพาดผ่านไปบนเครื่องอ่าน ระบบก็จะประมวลผลผ่านเครือข่าย Discover ค่าสินค้าจะถูกรวมเข้าไปในใบเสร็จค่าโทรศัพท์
แหล่งข่าวอ้างว่า การใช้สมาร์ทโฟนแทนบัตรพลาสติกด้วยเทคโนโลยีนี้ เร็วกว่าการใช้บัตรเครดิต และปลอดภัยกว่า หากมือถือหาย หรือถูกขโมย ระบบสามารถสั่งยกเลิกการทำงานของชิปที่ติดไปกับมือถือได้ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ได้มือถือไปไม่สามารถใช้มันชำระค่าสินค้าได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม บริการนี้จะเป็นภัยคุกคามที่สำคัญของเหล่าบรรดาผู้ให้บริการบัตรเครดิตรายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Visa, Mastercard และ AMEX ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเจ้าใหญ่ของโลก ในขณะที่ปัจจุบัน Discovery เป็นผู้ให้บริการอันดับที่สี่ ก่อนหน้านี้ทาง Mastercard และ Visa ก็มีความพยายามที่จะให้บริการลักษณะนี้เช่นเดียวกัน โดยฝังชิปเข้าไปในเคสมือถือ
ข้อมูลจาก: mygloss
แสดงบนเว็บไซด์ : http://www.it4x.com
ที่อยู่ของข้อความต้นฉบับ: http://www.arip.co.th/news.php?id=411879