ความพยายามที่จะลดบทบาทของ Android ในทุกอุปกรณ์พกพาของซัมซุงคือการพัฒนาและผลักดันโอเอสรุ่นใหม่นาม Tizen ที่ได้ Intel เข้ามาร่วมสร้างสรรค์ผลงานครั้งนี้ ซึ่งซัมซุงก็คาดหวังต่อโอเอสของตัวเองไว้ว่าจะเป็นทางเลือกและพลังในการขับเคลื่อนอนาคตของบริษัทร่วมกับโทรศัพท์มือถือรุ่นเรือธง
จากการให้สัมภาษณ์ของ J.K.Shin ซีอีโอของซัมซุงกับ CNET ต่อโอเอส Tizen ในตอนหนึ่งระบุว่ามันจะเป็นมากกว่าระบบปฏิบัติการที่ถือเป็นทางเลือกง่ายๆสำหรับ Android การใช้ Tizen OS จะช่วยให้ลูกค้าของซัมซุงที่ใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ, พีซี, กล้อง ตลอดจนอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้แก่ รถยนต์, ธนาคาร และเทคโนโลยีอื่นๆ สามารถข้ามมาบรรจบกันเป็นหนึ่งเดียวได้ ซึ่ง Tizen OS ได้ถูกเปิดเผยภายใต้อุปกรณ์ต้นแบบไปแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ในงาน Mobile World Congress
โดยการพัฒนา Tizen ของซัมซุงและ Intel จะไม่ใช่แค่การส่งเสริมทางเลือกใหม่ให้กับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ แต่ยังเป็นการแยกความแตกต่างของโทรศัพท์มือถือซัมซุงกับมือถือที่ใช้ Android จากตลาดเพื่อความชัดเจนที่มากขึ้น นอกจากนี้การประกาศเปิดตัว Moto X อีกหนึ่งมือถือเรือธงภายใต้ Google กับ Motorola ขยับให้การแข่งขันในตลาด Android ทวีความเข้มข้นเป็นเท่าตัว อีกทั้งซัมซุงเป็นกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการพึ่งพาใน Android ซึ่งทำงานในโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตส่วนใหญ่ แต่อำนาจในการคอนโทรลของซัมซุงเองยังมีน้อย แม้ซัมซุงจะขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทที่ขายมือถือได้มากที่สุดในโลกก็ตาม
ฉะนั้น Tizen OS จึงเป็นสิ่งสำคัญเพราะมันหมายถึงความพยายามที่ดีที่สุดของซัมซุงที่จะผลักดันระบบปฏิบัติการที่มีการควบคุมได้มากกว่าเพื่ออำนาจเหนือตลาดโทรศัพท์มือถือที่จะขับเคลื่อนด้วยอุปกรณ์สาย Galaxy S
เป็นที่น่าติดตามว่าในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ซัมซุงจะประกาศตัว Tizen OS พร้อมกับโทรศัพท์มือถือรุ่นใด และจะสามารถต่อกรกับ Android หรือ iOS ได้ดีเพียงใด เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์