รอคอยกันมานานสำหรับภาคล่าสุดของเกมที่เอาเนื้อหาการ์ตูนของ Disney มาดัดแปลงโดยผสานความเป็น Action-Rpg ในแบบ Square Enix เข้าไป โดยภาคล่าสุดในชื่อของ Kingdom Hearts -Birth by Sleep- ที่ทำลงบนเครื่อง PSP นี้ แม้ฟังชื่อแล้วจะดูเหมือนเป็นภาคเสริม แต่ที่จริงแล้วเนื้อหาในภาคนี้ไม่ใช่เพียงแค่ไซด์สตอรี่ธรรมดาๆ หากแต่คุณเท็ตสึยะ โนมุระที่เป็นผู้สร้างซีรียส์นี้ขึ้นมาได้พูดเองว่าเกมนี้ควรค่าแก่การเรียกว่าเป็นภาคที่ 0 ของเกมซีรียส์นี้ทีเดียว
หลังจากที่ภาคก่อนหน้าอย่าง Kingdom Hearts -358/2 Days- ได้สร้างความชอกช้ำใจให้กับแฟนซีรียส์นี้กันพอควร จึงเป็นการบ้านใหญ่ที่ทีมงานประจำซีรียส์จะต้องไปขบคิดกันว่าทำอย่างไรถึงจะสามารถซื้อใจแฟนๆ ที่ผิดหวังกับภาค 358/2 Days นี้กลับมาได้ ซึ่งคำตอบที่ได้ออกมาก็คือการมาถึงของเกมภาคล่าสุดอย่าง Kingdom Hearts -Birth by Sleep-
เนื้อหาในภาคนี้จะจับไปยังเหตุการณ์ประมาณ 10 ปีก่อนเริ่มเกม Kingdom Hearts ภาคแรก ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของ "มาสเตอร์เซอานอร์ท" ตัวร้ายประจำซีรียส์ผู้ที่ขายวิญญาณให้กับความมืดและต้องการนำความมืดเข้ากลืนกินทุกสรรพสิ่ง คุณจะได้รับรู้แผนการณ์ทั้งหมดที่เซอานอร์ทวางไว้ตั้งแต่แรก ความเป็นมาของบอสใหญ่ในภาค 1 และ 2 ที่เป็นเพียงร่างฮาร์ทเลสและร่างโนบอดี้ของเจ้าเซอานอร์ท ปริศนาที่ถูกทิ้งไว้ในภาค 1 และ 2 จะถูกคลี่คลายลงในภาคนี้ รวมไปถึงการปูพรมเปิดทางให้กับการมาถึงของภาค 3 ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เนื้อเรื่องของเกมจะดำเนินไปผ่านมุมมองของตัวละครทั้ง 3 ตัว ซึ่งในตอนเริ่มเกมเราจะต้องเลือกว่าจะเล่นเนื้อเรื่องของใครระหว่าง เวน เทอร์ร่า และอควอ ซึ่งเนื้อเรื่องของทั้ง 3 คนนี้จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งสามจะต้องเดินทางท่องไปยังดวงดาวต่างๆ ของทาง Disney ด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแต่ละคนก็จะมีลำดับการเข้าออกดาวก่อนหลังที่ต่างกัน โดยมากแล้วเทอร์ร่ามักจะเข้าไปยังดาวดวงหนึ่งก่อน แล้วเขาจะได้ยินแผนการณ์ของพวกตัวร้ายตามดาวต่างๆ ส่วนเวนที่มักจะเข้าไปเป็นคนที่สอง ก็จะได้รับรู้ความโกลาหลที่เกิดขึ้นและคอยช่วยเหลือตัวละครต่างๆ ขณะที่อควอที่มักเข้าไปเป็นคนสุดท้ายก็มักจะได้ร่วมมือกับเจ้าชายของดาวต่างๆ ในการกำจัดเหล่าวายร้าย และเห็นฉากจบแบบแฮปปี้ในสไตล์ผู้หญิงๆ นั่นเอง
เมื่อเราเล่นจบเนื้อหาของตัวละครหนึ่งแล้วก็จะสามารถเข้าไปเล่นเนื้อหาของตัวละครอื่นได้ และหากเล่นเนื้อหาของตัวละครทั้ง 3 จนครบหมดแล้ว ก็จะมีเนื้อเรื่องที่ 4 ซึ่งเป็นบทสุดท้ายที่จะนำไปสู่บอสใหญ่และฉากจบเกมที่แท้จริงออกมาให้เล่นกันอีกที
ในส่วนระบบการเล่นนั้น ภาคนี้ยังคงสเต็บเดิมคือการท่องไปยังดวงดาวต่างๆ ต่อสู้กับลูกกระจ๊อกที่มาทำร้ายพวก Disnay เสร็จแล้วสู้บอส แล้วก็บินไปยังดาวถัดไป ในช่วงท้ายของเกมเรายังสามารถกลับไปยังดาวต่างๆ เพื่อค้นหาความลับที่เหลืออยู่ ไล่ล่าสมบัติทั้งหมด และเที่ยวเล่นคุยกับตัวละครจาก Disney ตามใจชอบได้
ทางด้านระบบต่อสู้ ต้องบอกว่าภาคนี้ทำระบบต่อสู้ได้น่าตื่นตาตื่นใจมากๆ โซระที่เป็นตัวเอกในภาคแรกนั้นสามารถใช้คีย์เบลดซึ่งเป็นอาวุธคู่กายได้แค่ขั้นต้น แต่เหล่าตัวเอกในภาคนี้ที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน ต่างสามารถใช้คีย์เบลดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งนั่นก็นำไปสู่รูปแบบการโจมตีอันหลากหลายมากๆ ท่าทั้งหลายที่คุณเคยเห็นเทอร์ร่าที่เป็นบอสลับในภาค KH2 Final Mix+ ใช้... ไม่ว่าจะท่ายิงบอลพลังยักษ์ ท่าหายตัวเข้ามาโจมตีจากรอบทิศทาง ท่ายิงเลเซอร์ และท่ามหัศจรรย์ทั้งหลายแหล่ เทอร์ร่าในภาคนี้ต่างใช้ได้ทั้งหมด ขณะที่ตัวเอกอีกคนหนึ่งอย่างเวนที่มีสไตล์การต่อสู้เหมือนกับโซระ ก็สามารถใช้ท่าต่างๆ ที่โซระเคยใช้ในภาค 2 ได้ทั้งหมด โดยรวมแล้วตัวละครแต่ละตัวในภาคนี้จะมีท่าให้เลือกใช้ได้ 180-200 ท่า ทำให้ผู้เล่นมีอิสระอย่างมากๆ ในการสรรค์สร้างสไตล์การเล่นแบบต่างๆ ออกมา
ในช่วงเริ่มเกมนั้น นอกจากคำสั่งต่อสู้แล้ว ตัวละครจะสามารถเซ็ตคอมมานด์ต่างๆ ติดตัวไปได้อีก 3 คำสั่ง... แต่พอตัวละครพัฒนาไปเรื่อยๆ ก็จะสามารถใส่คำสั่งติดตัวเพิ่มมากขึ้นได้เรื่อยๆ ซึ่งคอมมานด์ใหม่ๆ นอกจากจะได้จากกรเปิดหาตามหีบและเล่นมินิเกมแล้ว ยังได้จากระบบผสมคอมมานด์ ซึ่งเป็นการเอาคอมมานด์ที่มีอยู่มาผสมกันจนเกิดเป็นท่าใหม่ๆ อบิลิตี้ใหม่ๆ นอกจากนี้ในภาคนี้ยังมีระบบต่อสู้แบบใหม่เพิ่มมาอีก 3 ระบบ คือระบบ Command Style ที่มาแทนระบบ Drive Form, ระบบ D-link ที่มาแทนระบบมนต์เรียกอสูร และระบบ Shoot Lock ที่เป็นระบบใหม่สดซิง
สำหรับระบบ Command Style ก็เป็นระบบเปลี่ยนสไตล์การต่อสู้ของตัวละครชั่วคราว เมื่อตัวละครใช้ท่าที่กำหนดจนถึงระดับหนึ่ง ตัวละครก็จะเปลี่ยนไปใช้สไตล์การต่อสู้ในแบบนั้นๆ เช่น หากใช้ท่าไฟมากๆ ตัวละครก็จะเปลี่ยนสไตล์การต่อสู้เป็นแบบ Fire Blazer ที่การโจมตีทั้งหมดเป็นธาตุไฟ หรือถ้าใช้การโจมตีที่เน้นความเร็วมากๆ เน้นพลังมากๆ ตัวละครก็จะเปลี่ยนสไตล์การต่อสู้เป็นแบบอื่นที่เอื้อต่อการเล่นในแนวทางนั้นๆ ทั้งความเร็วและพลังโจมตีก็จะเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งตัวละครแต่ละตัวจะมีสไตล์ให้เลือกใช้ได้ราวๆ 10 สไตล์เลยทีเดียว
ส่วนระบบ D-link ที่มาแทนระบบมนต์เรียกอสูร ก็เป็นการยืมพลังจากตัวละครที่เป็นเพื่อนของเรามาใช้ชั่วคราว ทำให้เราสามารถใช้พลังของตัวละครที่เราเคยพบมาได้ นอกจากนี้เวลายืมพลังมาใช้แล้ว เรายังได้อบิลิตี้พิเศษบางอย่างติดมาด้วย อบิลิตี้อย่าง Exp x2 และ Cp x2 จะทำงานก็ต่อเมื่อเราใช้ D-link ติดต่อไปยังตัวละครที่กำหนดเอาไว้ ส่วนระบบ Shoot Lock ก็เป็นการล็อคเป้าไปยังศัตรูค้างเอาไว้แล้วชาร์จพลังก่อนที่จะปล่อยท่าโจมตีโหดๆ ออกไป แต่หากระหว่างชาร์จพลังนั้นศัตรูหลุดออกนอกเป้า หรือเราโดนโจมตีซะก่อน การใช้ Shoot Lock ก็จะถูกยกเลิก
นอกจากระบบต่อสู้แล้วทางด้านมินิเกม ในภาคนี้ก็มีมินิเกมให้เล่น 4 เกมด้วยกัน มีตั้งแต่บอร์ดเกม เรซซิ่ง มิวสิคคัล ตีผลไม้ แต่ละเกมก็มีระดับความสนุกและความยากกำลังพอดี เล่นแล้วอยากเล่นอีก ของรางวัลจากการเล่นก็เป็นท่า Shoot Lock ใหม่ๆ หรือคอมมานด์ใหม่ๆ ซึ่งก็คุ้มค่าทีเดียว
ส่วนระบบที่เด็ดที่สุดในภาคนี้ก็คือการเล่นแบบ Multiplayer ซึ่งเราสามารถเล่นกับเพื่อนๆ ได้พร้อมกันสูงสุดถึง 6 คน โดยในโหมดนี้จะมีโหมดย่อยๆ ให้เล่นกัน 4 แบบ คือการเล่นสู้กันเอง การช่วยกันทำมิสชั่นปราบบอส การแข่งบอร์ดเกม และการแข่งเรซซิ่ง หากอยากค้นหาความลับทั้งหมดของเกมให้พบ หากอยากได้ท่าโจมตีทั้งหมดที่มีอยู่ในเกม ว่างๆ ก็ต้องลากเพื่อนมาตั้งวงช่วยกันเล่นด้วย
ทางด้านกราฟฟิคของเกม ต้องบอกว่าเกมนี้เป็นหนึ่งในเกมที่รีดพลังของเครื่อง PSP ออกมาได้มากที่สุด โมเดลตัวละครมีความละเอียดสวยงาม การแสดงออกทางสีหน้าดูเป็นธรรมชาติมากๆ ฉากต่างๆ ทำออกมาได้ดี ดูภาพรวมแล้วสวยงามไม่แพ้ภาคที่ทำลงบนเครื่อง PS2 เลยทีเดียว ขณะที่ด้านดนตรีประกอบที่ประพันธ์โดยคุณโยโกะ ชิโมมุระเจ้าเก่า ก็ทำออกมาได้ยอดมากๆ เพลงแนวอลังการและเพลงช้าๆ ซึ้งๆ ถูกบรรจงแต่งขึ้นมาอย่างสวยงาม และมันก็ถูกนำมาเล่นถูกที่ถูกเวลา ทำให้เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในเกมดูมีพลังและดึงดูดให้ผู้เล่นอินไปกับตัวเกมอย่างเต็มที่
ด้านภาพรวมในการกำกับอีเวนต์ต่างๆ ก็ทำออกมาได้อย่างสุดยอด โดยเฉพาะเหตุการณ์ช่วงท้ายเกมไปจนถึงฉากจบเกมที่แท้จริง ทั้งมุมกล้องในฉากต่างๆ ลูกเล่นของตัวละครต่างๆ ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเพลงประกอบ ทุกอย่างผสมกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างลงตัว ฉากจบเกมที่แท้จริงก็ได้สรุปเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในทุกภาค และส่งมอบความหวังทั้งหมดไปยังตัวเอกคนหนึ่ง ที่ต้องออกเดินทางในภาค 3 ต่อไป ใครที่เล่นแบบตามเนื้อเรื่องมาตลอดจะต้องขนลุกกับฉากจบที่แท้จริงของเกมอย่างแน่นอน...
เกมมีความยาวประมาณ 50 ชั่วโมงสำหรับการเล่นเนื้อเรื่องทั้งหมดจนเห็นฉากจบที่แท้จริง หลังจบเกมแล้วไปยังมีอะไรต่างๆ อีกเยอะแยะมากมายให้เล่นกัน กว่าจะค้นหาความลับทั้งหมดในเกมจนครบก็กินเวลาราวๆ 100 ชั่วโมง งานนี้ได้สนุกกันยาว
สรุปแล้ว Kingdom Hearts -Birth by Sleep- ก็เป็นอีกหนึ่งเกม Action-Rpg ที่ยอดเยี่ยมซึ่งแฟนๆ ที่ได้เล่นคงประทับใจกันไม่มากก็น้อย ส่วนตัวแล้วผมยกให้ Kingdom Hearts ภาคนี้เป็นภาคที่ดีที่สุดในซีรียส์ และเป็นเกมที่ดีที่สุดเท่าที่ผู้กำกับวัย 39 ปีคนนี้เคยกำกับมา เกมนี้ทำให้ผมยกเครดิตให้กับคุณเท็ตสึยะ โนมุระเพิ่มไปอีกขั้น และเชื่อแล้วว่าอดีตพนักงานตรวจบั๊คที่พัฒนาตัวเองจนกลายมาเป็นผู้กำกับเกมคนนี้ ยังสามารถพัฒนางานของเขาให้ดีขึ้นได้อีกจริงๆ
ข้อดี
+ ระบบต่อสู้ตื่นตาตื่นใจ มีท่าให้เลือกใช้หลากหลายมากมาย ให้อิสระในการเล่นสูง
+ ปริศนาต่างๆ ในเนื้อเรื่องไม่ได้เฉลยตรงๆ แต่ได้ทิ้งจิ๊กซอว์ข้อมูลต่างๆ ให้ผู้เล่นได้รวบรวมและขบคิดเอาเอง
+ เหตุการณ์ช่วงท้ายเกมเป็นต้นไป กำกับออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
ข้อเสีย
- พวกฉากกว้างๆ บางฉาก เวลาเล่นแล้วจะประสบปัญหาเฟรมเรทตก เร่งพลังเครื่องเต็มสตรีมแล้วก็ช่วยไม่ได้
- ทุกครั้งหลังจากที่เปลี่ยนฉาก พอเรากด Start เพื่อเรียกเมนูเกมขึ้นมา เมนูจะขึ้นมาช้าพอควร
งานภาพ - 9/10
ดนตรี - 9/10
เนื้อเรื่อง - 9/10
ระบบการเล่น - 10/10
การกำกับอีเวนต์ - 10/10
ความคุ้มค่า - 9.5/10