เชื่อว่า หลังจากการเปิดตัว iPhone 4 คุณผู้อ่านที่ติดตามเว็บไซต์ arip เป็นประจำจะต้องได้มีโอกาสได้ยินบัซเวิร์ด (Buzzword) ที่หมายถึง คำ หรือวลียอดนิยมใหม่ๆ อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น retina display, FaceTime หรือ Gyroscope คำเหล่านี้เกียวข้องกับ iPhone 4 อย่างไร? เราไปทำความรู้จักกันดีกว่าครับ
Retina Display เป็นภาษาทางการตลาดที่แอปเปิ้ล (Apple) ใช้เรียกคุณสมบัติของการแสดงผลไฮเดฟฯของหน้าจอไอโฟน โดยสตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) อธิบายขณะเปิดตัว iPhone 4 บนเวทีในงาน WWDC 2010 ว่า หน้าจอใหม่จะสามารถแสดงผลที่ความละเอียด 326 พิกเซลต่อนิ้ว หรือมากกว่าบนจอไอโฟนรุ่นก่อนหน้านี้ถึง 4 เท่า จอบส์กล่าวว่า จอประสาทตา (retina) ของมนุษย์จะสามารถแยกแยะความแตกต่างได้ที่ความละเอียดสูงสุด 300 พิกเซลต่อนิ้ว ดังนั้นหน้าจอแสดงผลใหม่นี้จะทำให้ผู้ใช้มองเห็นส่วนโค้งทีมีความต่อเนื่องมากกว่าเดิม (ภาพกราฟิกมีความนิ่มนวลยิ่งขึ้น) แอปเปิ้ลอ้างว่า Retina Display เป็นหน้าจอแสดงผลบนมือถือที่มีความละเอียดสูงสุดเท่าทีเคยมีมา ความจริงจะเป็นแค่ภาษาทางการตลาด หรือไม่? คงต้องได้ลองเห็นของจริงกันก่อนนะครับ ว่าแต่เคยได้ยินไหมครับว่า จะดื่มไวน์ให้อร่อยต้องดื่มด้วยแก้วไวน์เท่านั้น เรื่องจริง หรือเป็นสิ่งทีนักการตลาดบอกคุณ?
Gyroscope ออกเสียงว่า ไจโรสโคป เป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับตำแหน่ง-ทิศทางได้ (ลักกษณะการทำงานคล้ายกับแผ่นจานหมุนในวงแหวนทีทำให้มันทรงตัวอยู่ได้ในลักษณะต่างๆ โดยไม่ล้ม) มันช่วยให้หุ่นยนต์ทรงตัวได้ ว่าแต่ iPhone 4 ติดตั้ง Gyroscope ไว้ด้วยทำไม อีกทั้งภายในตัวเครื่องก็มี accelerometer ที่ช่วยตรวจจับความเคลื่อนไหว (motion detect) อยู่แล้ว คำตอบก็คือ สำหรับการเล่นเกมส์นั่นเอง โดยการเพิ่มไจโรสโคปเข้าไปจะทำให้การควบคุมเกมส์มีความละเอียดมากยิ่งขึ้น พูดง่ายๆ ก็คือ มันจะทำให้ไอโฟนรับรู้มุมองศา และตำแหน่งของตัวมันได้แม่นยำละเอียดยิ่งขึ้นนั่นเอง แอปเปิ้ลกล่าวว่า gyroscope กับ accelerometer จะตรวจจับความเร่ง และความเร็วเชิงมุม และอัตราเร็วในการหมุน (การเปลี่ยนแปลงความเร็วในการจับไอโฟนหมุนไปมาในทิศทางต่างๆ) นักพัฒนาแอพฯ สามารถใช้คุณสมบัตินี้ในการตรวจจับตำแหน่งได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกมส์ หรือแอพฯทีได้มีลูกเล่นที่น่าสนใจยิ่งขึ้น
A4 ความจริงบัซเวิร์ดคำนี้ไม่ได้เป็นศัพท์ใหม่ แต่อย่างใด เพียงแต่อาจจะไม่ได้มีการพูดถึงมากนัก เมื่อครั้งที่มันอยู่ในไอแพด (iPad) แต่เมื่อโพรเซสเซอร์ A4 ที่ออกแบบโดยทีมแอปเปิ้ล มาอยู่ใน iPhone 4 มันจะทำให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับพลังประมวลผลที่น่าทึ่ง เพราะมันทำให้ผู้ใช้สามารถตัดต่อวิดีโอบนไอโฟนได้เลย อีกทั้งยังตอบโจทย์เรื่องอายุการใช้งานแบตเตอรีที่่นานขึ้นอีกด้วย โดยจอบส์กล่าวว่า ชิป A4 ทำให้ผู้ใช้สามารถสนทนาด้วย iPhone 4 ได้ต่อเนื่อง 5 - 7 ชม. เล่นเน็ต Wi-Fi ได้ 10 ชม. ดูหนังได้ 10 ชม.ฟังเพลงได้นานา 40 ชม. และสแตนด์บายได้ 300 ชม. (เกือบสองสัปดาห์) ซึ่งในส่วนของเวลาที่ใช้สนทนา มันได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าไอโฟนรุ่นก่อนถึง 40% เลยทีเดียว
FaceTime บัซเวิร์ดคำนี้ แอปเปิ้ลหมายถึงบริการเรียกสายแบบเห็นหน้าค่าตากันด้วยวิดีโอ (video calling service) จากกล้องด้านหน้าบนไอโฟน FaceTime เป็นคำศัพท์ที่ถูกเปิดเผยเป็นคำสุดท้ายหลังจากจอบส์กล่าววลียอดฮิตนั่นคือ "One more thing" ก่อนจะสิ้นสุดการเปิดตัวไอโฟน FaceTime จะใช้กล้องด้านหน้าของ iPhone 4 ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ถูกเรียกร้องจากผู้ใช้มานานแสนนาน สำหรับการเรียกสายคู่สนทนาในรูปแบบวิดีโอทำให้เห็นหน้ากันได้ อย่างไรก็ดี FaceTime จะใช้งานได้ระหว่าง iPhone 4 กับ iPhone 4 เท่านั้น
Retina Display เป็นภาษาทางการตลาดที่แอปเปิ้ล (Apple) ใช้เรียกคุณสมบัติของการแสดงผลไฮเดฟฯของหน้าจอไอโฟน โดยสตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) อธิบายขณะเปิดตัว iPhone 4 บนเวทีในงาน WWDC 2010 ว่า หน้าจอใหม่จะสามารถแสดงผลที่ความละเอียด 326 พิกเซลต่อนิ้ว หรือมากกว่าบนจอไอโฟนรุ่นก่อนหน้านี้ถึง 4 เท่า จอบส์กล่าวว่า จอประสาทตา (retina) ของมนุษย์จะสามารถแยกแยะความแตกต่างได้ที่ความละเอียดสูงสุด 300 พิกเซลต่อนิ้ว ดังนั้นหน้าจอแสดงผลใหม่นี้จะทำให้ผู้ใช้มองเห็นส่วนโค้งทีมีความต่อเนื่องมากกว่าเดิม (ภาพกราฟิกมีความนิ่มนวลยิ่งขึ้น) แอปเปิ้ลอ้างว่า Retina Display เป็นหน้าจอแสดงผลบนมือถือที่มีความละเอียดสูงสุดเท่าทีเคยมีมา ความจริงจะเป็นแค่ภาษาทางการตลาด หรือไม่? คงต้องได้ลองเห็นของจริงกันก่อนนะครับ ว่าแต่เคยได้ยินไหมครับว่า จะดื่มไวน์ให้อร่อยต้องดื่มด้วยแก้วไวน์เท่านั้น เรื่องจริง หรือเป็นสิ่งทีนักการตลาดบอกคุณ?
Gyroscope ออกเสียงว่า ไจโรสโคป เป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับตำแหน่ง-ทิศทางได้ (ลักกษณะการทำงานคล้ายกับแผ่นจานหมุนในวงแหวนทีทำให้มันทรงตัวอยู่ได้ในลักษณะต่างๆ โดยไม่ล้ม) มันช่วยให้หุ่นยนต์ทรงตัวได้ ว่าแต่ iPhone 4 ติดตั้ง Gyroscope ไว้ด้วยทำไม อีกทั้งภายในตัวเครื่องก็มี accelerometer ที่ช่วยตรวจจับความเคลื่อนไหว (motion detect) อยู่แล้ว คำตอบก็คือ สำหรับการเล่นเกมส์นั่นเอง โดยการเพิ่มไจโรสโคปเข้าไปจะทำให้การควบคุมเกมส์มีความละเอียดมากยิ่งขึ้น พูดง่ายๆ ก็คือ มันจะทำให้ไอโฟนรับรู้มุมองศา และตำแหน่งของตัวมันได้แม่นยำละเอียดยิ่งขึ้นนั่นเอง แอปเปิ้ลกล่าวว่า gyroscope กับ accelerometer จะตรวจจับความเร่ง และความเร็วเชิงมุม และอัตราเร็วในการหมุน (การเปลี่ยนแปลงความเร็วในการจับไอโฟนหมุนไปมาในทิศทางต่างๆ) นักพัฒนาแอพฯ สามารถใช้คุณสมบัตินี้ในการตรวจจับตำแหน่งได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกมส์ หรือแอพฯทีได้มีลูกเล่นที่น่าสนใจยิ่งขึ้น
A4 ความจริงบัซเวิร์ดคำนี้ไม่ได้เป็นศัพท์ใหม่ แต่อย่างใด เพียงแต่อาจจะไม่ได้มีการพูดถึงมากนัก เมื่อครั้งที่มันอยู่ในไอแพด (iPad) แต่เมื่อโพรเซสเซอร์ A4 ที่ออกแบบโดยทีมแอปเปิ้ล มาอยู่ใน iPhone 4 มันจะทำให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับพลังประมวลผลที่น่าทึ่ง เพราะมันทำให้ผู้ใช้สามารถตัดต่อวิดีโอบนไอโฟนได้เลย อีกทั้งยังตอบโจทย์เรื่องอายุการใช้งานแบตเตอรีที่่นานขึ้นอีกด้วย โดยจอบส์กล่าวว่า ชิป A4 ทำให้ผู้ใช้สามารถสนทนาด้วย iPhone 4 ได้ต่อเนื่อง 5 - 7 ชม. เล่นเน็ต Wi-Fi ได้ 10 ชม. ดูหนังได้ 10 ชม.ฟังเพลงได้นานา 40 ชม. และสแตนด์บายได้ 300 ชม. (เกือบสองสัปดาห์) ซึ่งในส่วนของเวลาที่ใช้สนทนา มันได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าไอโฟนรุ่นก่อนถึง 40% เลยทีเดียว
FaceTime บัซเวิร์ดคำนี้ แอปเปิ้ลหมายถึงบริการเรียกสายแบบเห็นหน้าค่าตากันด้วยวิดีโอ (video calling service) จากกล้องด้านหน้าบนไอโฟน FaceTime เป็นคำศัพท์ที่ถูกเปิดเผยเป็นคำสุดท้ายหลังจากจอบส์กล่าววลียอดฮิตนั่นคือ "One more thing" ก่อนจะสิ้นสุดการเปิดตัวไอโฟน FaceTime จะใช้กล้องด้านหน้าของ iPhone 4 ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ถูกเรียกร้องจากผู้ใช้มานานแสนนาน สำหรับการเรียกสายคู่สนทนาในรูปแบบวิดีโอทำให้เห็นหน้ากันได้ อย่างไรก็ดี FaceTime จะใช้งานได้ระหว่าง iPhone 4 กับ iPhone 4 เท่านั้น