เนื่องจาก Wonder Camera จะมาพร้อมกับคอนเซปต์ที่ว่า "ทุกเฟรม-ทุกโฟกัส" ซึ่งนั่นหมายถึงทุกเฟรมของวิดีโอที่ได้รับการบันทึกด้วยกล้องตัวนี้จะได้รับการโฟักัสให้มีความคมชัดสูงเหมือนภาพนิ่งนั่นเอง หรือพูดง่ายๆ วิดีโอที่บันทึกด้วยกล้องตัวนี้ก็จะประกอบด้วยภาพถ่ายที่มีความคมชัดสมบูรณ์ทุกเฟรม สามารถดึงแต่ละเฟรมออกมาใช้งานเป็นภาพนิ่ง ซูมขยายได้โดยไม่มีความสูญเสียของรายละเอียดของภาพ ทำให้ผู้ใช้กล้องตัวนี้สามารถบันทึกวิดีโอไว้ เพื่อเลือกช็อตเด็ดที่ต้องการ โดยไม่ต้องเป็นโปรกล้องแต่อย่างใด เอ่อ...แล้วอย่างนี้ตากล้องจะตกงานไหมเนี่ย?
กล้อง Wonder Camera ยังสามารถดึงภาพที่เห็นให้ใกล้เข้ามา (zoom in) ในขณะที่กำลังถ่ายได้ทันที หรือจะขยายภายหลังจากการบันทึกไว้แล้วก็ได้ (ขณะเล่นไฟล์วิดีโอทีบันทึกไว้จะสามารถซูมอิน หรือซูมเอาต์ได้ตลอดเวลา...ว้าว!!!) และทุกครั้งที่คุณกดปุ่มบนตัวกล้อง Wonder Camera ก็จะถ่ายภาพนิ่งแบบต่อเนื่องในรูปแบบของวิดีโอ ซึ่งแน่นอนว่า มันจะต้องมีการสตอเรจที่ใช้เก็บข้อมูลขนาดใหญ่มากทีเดียว แต่ในอีก 20 ปีข้างหน้า ความจุขนาดเทราไบต์ (1,000GB) หรือเพตาไบต์ (1,000TB) อาจจะเหมือนกับว่าเรากำลังพูดถึงความจุเมกะไบต์ หรือกิกะไบต์ในวันนี้ก็ได้ โดยในการสาธิตของสาวน้อยบนเวที ด้านหลังของเธอจะมีกระเป๋าสะพายอยู่ ซึ่งใช้สำหรับการทำงานร่วมกับ Wonder Camera ซึ่งในอนาคต หากมีการผลิตกล้องนี้จริง มันคงจะเล็กจนเข้าไปอยู่ในตัวกล้องได้ในที่สุด
นอกจากคุณสมบัติข้างต้นแล้ว ในการสาธิตยังได้มีการหันกล้องไปจับภาพของผู้ชมพาวิลเลียนด้วย โดยนอกจากผู้ชมจะเห็นภาพที่คมชัดของตัวเองบนจอแสดงผลขนาดใหญ่บนเวทีแล้ว กล้อง Wonder Camera ยังแสดงลูกเล่นในการตรวจจับใบหน้าของผู้ชมที่กำลังยิ้มให้กับกล้องได้หลายคนพร้อมกันอีกต่างหาก แม้ Wonder Camera จะมีดีไซน์ตัวเครื่องที่แปลกตา แต่ก็ยังคงรูปแบบของกล้อง SLR ไว้ให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างคุ้นเคย ลองชมวิดีโอสาธิตที่อยู่ข้างล่างนี้ดีกว่าครับ
ข้อมูลจาก: gizmodo
แสดงบนเว็บไซด์ : http://www.it4x.com
ที่อยู่ของข้อความต้นฉบับ: http://www.arip.co.th/news.php?id=411648