สำหรับเหตุผลที่ทำให้สถาปัตยกรรม และการใช้คอมพิวเตอร์ที่ 64 บิทไม่เกิดในช่วงที่ผ่านมาก็คือ มันขาดซอฟต์แวร์ที่สนับสนุนการใช้งานนั่นเอง โดยเฉพาะโปรแกรมยอดนิยมส่วนใหญ่จะไม่สามารถทำงานในสภาพแวดล้อม 64 บิทได้อีกด้วย ส่วนเหตุผลอื่นๆ ก็จะมีเรื่องของการอัพเกรดที่ผู้ใช้พีซีต้องการความเร็วในการอัพเกรดมากกว่าต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น ทางเลือกจึงยังเป็น 32 บิท แต่ล่าสุด ไมโครซอฟท์รายงานเมื่อเดือนมิถุนายนทีผ่านมาว่า 46% ของผู้ใช้ Windows 7 ทั่วโลกเลือกใช้เวอร์ชัน 64 บิท
สถาปัตยกรรม 64 บิทจะมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัย และการทำงานในระบบสเมือน (virtualization) ที่เหนือกว่า 32 บิทมาก แต่ดูเหมือนเรื่องความสามารถในการมองเห็นหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้น น่าจะเป็นประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุด ระบบที่เป็น 32 บิทจะสามารถใช้หน่วยความจำได้ไม่เกิน 4GB ในขณะที่ Windows 7 เวอร์ชัน 64 บิทจะสามารถรองรับหน่วยความจำได้สูงถึง 192GB แน่นอนว่า มันยังคงมีปัจจัยที่เป็นข้อจำกัดอื่นๆ อยู่ด้วย อย่างเช่น ราคา และความจุสูงสุดของหน่วยความจำ แต่ด้วยความต้องการใช้ซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ๆ ที่มีความต้องการหน่วยความจำมากขึ้น ประกอบกับการใช้งานแบบมัลติทาสกิง ความต้องการหน่วยความจำจึงกลายเป็นเรื่องจำเป็นไปโดยปริยาย
หากแจกแจงในรายละเอียด คอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows 7 x64 ส่วนใหญ่จะเป็น OEMs โดยข้อมูลจาก Stephen Baker ได้ทำสำรวจร้านค้าปลีกพีซีในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยังพบอีกด้วยว่า เครื่องส่วนใหญ่ที่วางจำหน่าย 77% มาพร้อมกับ Windows 7 x64 อีกทั้งในกลุ่มผู้ใช้ทีเป็นองค์กรธุรกิจต่างก็มีแนวโน้มที่จะขยับไปใช้สถาปัตยกรรม 64 บิทอีกด้วย โดยคาดว่าในปี 2014 การใช้ Windows 7 x64 จะเพิ่มขึ้นเป็น 77% โลกกำลังใกล้เข้่าสู่ยุคของการประมวลผลที่ 64 บิทเต็มตัวแล้ว
ข้อมูลจาก: It-chuiko